ประสบการณ์กับ The new iPad ตอนที่ 4: Finale



ตอนที่ 4 แล้ว น่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วครับ 
ไม่ได้อัพเดทซะนาน งานเข้าเยอะแยะเลย ทิ้งเรื่อง iPad ไปซะนานจนนึกไม่ออกแล้วว่าจะเขียนอะไรต่อดี

แต่เท่าที่นึกออก เรื่องเด่นๆก็น่าจะเขียนครบแล้วนะครับ ขาดแค่เรื่องกล้องเรื่องเดียว
ถ้าเวลาอำนวย คราวหน้าจะเอาตัวอย่างรูปจากกล้อง new iPad มาลงให้ดูประกอบการตัดสินใจครับ
ตอนนี้เรามาอ่านเรื่องประสบการณ์กับ new iPad ตอนสุดท้ายกัน ขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านครับ

อายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่: น้อยกว่า iPad2 แน่นอนเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ก็มากกว่า iPad1 เช่นกัน


ความจริง มันไม่ได้ต่างกันตามรปนี้หรอกนะครับ รูปแบบนี้ทำคนเข้าใจผิดหมดเลย

ถึงแม้ new iPad มาพร้อมกับความจุแบตเตอร์รี่ที่มากกว่า iPad2 อยู่ค่อนข้างมาก (new iPad ใช้แบตเตอร์รี่ความจุ 45 Watt hour แต่ iPad2 ใช้แบตเตอร์รี่ที่ความจุ 25 Watt hour ต่างกันประมาณ 70% แต่หลายๆคนเข้าใจผิดว่าต่างกันหลายเท่า) 
ตามหลัก อายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ควรจะมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดซิ?


แต่จากการใช้งานแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ (จาก 100% ถึงหมด) 
เฉลี่ยของ new iPad อยู่ที่ 7- 8 ชั่วโมง (ไม่นับการเล่นเกมส์โหดๆนะครับ เน้นการใช้งานดูหนังบ้าง เล่นเน็ตบ้างนะ) 
แต่ถ้าเป็นรุ่น 4G + Wi-Fi ที่มีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายตลอดเวลา อายุการใช้งานจะลดลงอีกประมาณ 1 ชั่วโมง (เหลือประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบ 7)
(iPad1 ผมได้น้อยกว่านั้นนิดนึง แต่ไม่ห่างกันมากนะ อาจจะเพราะผมไม่ได้ใช้งานด้านดูหนัง เล่นเกมส์เท่าไหร่ด้วยแหละ กล้องก็ไม่มี T_T) 

ด้วยความที่ไม่มี iPad2 มาเปรียบเทียบ ผมเลยเอาข้อมูลจากเมืองนอกมาเปรียบเทียบแทน 
iPad2 มีอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่เฉลี่ยที่ประมาณ 9-10 ชั่วโมง (รุ่น 3G คงลดลงจากนี้อีกหน่อย แต่ไม่น่าจะต่างกันเกิน 1 ชั่วโมง)

สรุปคือ ต่างกันพอสมควร ระหว่าง 7-8 ชั่วโมงกับ 9-10 ชั่วโมง ต้องถามตัวเองดูครับว่า อยากได้ iPad แบบไหน เน้นแบตอึดหรือเน้นหน้าจอแจ่มๆ

ปัจจัยทีทำให้แบตเตอร์รี่ขนาดยักษ์ของ new iPad หมดเร็วกว่าของ iPad 2 
คือหน้าจอ Retina และชิปกราฟฟิกตัวใหม่นั่นเองครับ
จากที่เมืองนอกทดสอบกัน การใช้พลังงานของ new iPad เทียบกับ iPad2 เองแล้วพบว่า การใช้พลังงานของ new iPad ที่การใช้งานแบบเดียวกัน กินพลังงานมากกว่า iPad2 อยู่เกือบ 1 เท่า แต่ขนาดของแบตเตอร์รี่ต่างกัน 70% 
สัดส่วนที่ต่างกันนี้ ส่งผลถึงอายุการใช้งานแบตแบบไม่ต้องสงสัยเลย

การชาร์ตไฟ:


นานขึ้นแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเช่นกัน ด้วยขนาดความจุของแบตเตอร์รี่ ไม่แปลกเลยถ้าตัวเลขการชาร์ตไฟจาก 0 จนถึงเต็ม 100% ของ new iPad จะใช้เวลานานกว่า iPad2 อยู่ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าถ้าแบตจะหมด ชาร์จไว้ก่อนนอนแล้วลืมไว้ได้เลย พรุ่งนี้เช้าเต็มพอดี

แบตใหญ่ขึ้น = หนักขึ้น:

แบตทางซ้ายคือแบตของ iPad2 ส่วนทางขวาที่ยาวกว่าคือของ new iPad ครับ

การที่ new iPad มาพร้อมกับแบตขนาดมหึมา ทำให้ตัวเครื่่องเองหนักขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย 
ข้อดีของแบตเตอร์รี่ที่ทำให้อายุการใช้งานเฉลี่ยของ new iPad ไม่ต่างกับ iPad2 มากนักทั้งที่ใช้พลังงานมากกว่า
ก็แลกมากับความหนาและหนักขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ครับ

ต้องเลือกอีกนั่นแหละว่าคุณอยากได้ tablet ที่หนาขึ้นหน่อยนึง หนักขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้ 
หรือเอา tablet ที่เน้นพกพา เบา บาง แบตทนทาน แต่หน้าจอชัดน้อยกว่า ขึ้นกับความชอบครับ

การเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G:

อย่างที่บอกต้ั้งแต่ตอนแรกๆครับว่า new iPad มาพร้อมกับชิพ network ตัวใหม่ที่รองรับการใช้งานการเชื่อมต่อมาตรฐาน 4G LTE (ที่ใช้ได้แค่ในอเมริกา และแคนาดานะ ประเทศอื่นที่มี 4G ก็ใช้ไม่ได้นะครับ และบ้านเราถึงจะมี 4G ในอีกไม่รู้กี่ปี ก็จะไม่สามารถใช้งานการเชื่อมต่อ 4G ของเจ้า new iPad นี้ได้แน่นอน) 

แต่ถึงอย่างไร เจ้าชิพตัวนี้ ก็ส่งผลถึงความเร็วในการเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ด้วยเช่นกันครับ
จากการทดสอบเชื่อมต่อกับซิม 3g ค่ายหนึ่งของบ้านเราผลการทดสอบ เป็นดังนี้ครับ 

เร็วมั้ย?? ก็เร็วแล้วล่ะเนอะผมว่า

(ผลนี้เป็นผลการทดสอบตอนกลางคืน ถ้าช่วงกลางวัน คนใช้เยอะหน่อย จะได้ความเร็วประมาณ 10+ Mbps ครับ)
เท่าที่ผมเคยลอง iPad2 ความเร็ว 3G จะได้ไม่เกิน 7 Mbps นะครับ เพราะตัว iPad2 เองถูกจำกัดเอาไว้เท่านั้น

เพราะฉะนั้น ถึงจะซื้อรุ่น Wi-Fi 4G มา แต่ก็ยังได้ใช้ประโยชน์ในบ้านเราด้วยอยู่ดี ถ้าใครลังเลว่าจะเอารุ่น Wi-Fi only หรือรุ่น 4G 

ลองตัดสินเอาครับว่าจะเน้นสะดวกเครื่องเดียวจบ แล้วได้ของแถมเป็นการเชื่อมต่อความเร็วสูง (แต่จะใช้ได้ถึงหรือไม่ ต้องไปลุ้นกับผู้ให้บริการมือถือของท่านเอง)

หรือถ้ามี account สำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi นอกบ้านอยู่แล้ว หรือมีมือถืออีกเครื่องสำหรับการแชร์อินเตอร์เน็ตของคุณมาที่เจ้า new iPad อยู่แล้ว new iPad รุ่น Wi-Fi only น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมของคุณครับ (เบากว่า และร้อนน้อยกว่าด้วยนะเออ)

สรุปจากประสบการณ์ของผม

The new iPad เป็น tablet ที่ดีมากๆในลำดับต้นๆของตลาดปัจจุบันเลย
ถ้าไม่นับเรื่องข้อจำกัดในการใช้งานต่างๆ (ที่เป็นจุดที่ผู้ใช้หลายๆคนเบือนหน้าหนี เช่น การดึงไฟล์ออกจากเครื่องลำบาก, การโอนไฟล์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น)
ผมมองว่า new iPad ก็น่าใช้สำหรับคนที่อยากได้ tablet ดีๆสักตัวครับ

แต่ถ้าคุณมี iPad2 อยู่แล้วล่ะ? คุ้มมั้ยที่จะเปลี่ยน? 

คำถามนี้ต้องตอบใจตัวเองแล้วล่ะครับ ว่าพร้อมจะเสียเงินมั้ย 555 (สำคัญมากนะข้อนี้)
ถ้าพร้อม ก็ต้องมาวัดกันต่อว่า เงินที่เสียไป แลกกับสิ่งที่ได้มา คุณรับได้หรือเปล่า? 

ถ้าคุณมี iPad2 อยู่ แล้วอยากได้
- หน้าจอที่ชัดขึ้นเยอะมาก
- แรมเครื่องที่มากขึ้น แน่นอนว่าทำให้เครื่องเร็วขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันอาจจะยังมีแอพที่เรียกใช้งานแรมระดับ 1GB ของ new iPad ไม่มาก แต่แน่นอนว่าในอนาคต มันมีแน่นอนครับ
- กล้องที่ชัดเทียบเท่าหรือเหนือกว่า iPhone4 (แต่น้อยกว่า 4S นะ) และไม่รู้สึกลำบากใจถ้าจะต้องยก tablet ขึ้นมาถ่ายรูป
- การเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ที่เร็วขึ้น (ขึ้นกับผุ้ให้บริการนะครับ เพราะบางค่าย 3G ยังกับอินเตอร์เน็ตโมเด็ม อย่างนั้นก็ไม่ไหว)

ถ้าคุณอยากได้สิ่งต่างๆที่ว่ามาข้างบนเกิน 3 ข้อ คุณก็ควรเปลี่ยนเป็น new iPad แล้วล่ะครับ

แต่ถ้าคุณ
- ไม่ชอบ tablet ที่หนักกว่า iPad2 
- ไม่ชอบ tablet ที่เล่นไปซักพักแล้วร้อนมือ (ความจริงมันอุ่นๆนะ) 
- ไม่แคร์กับหน้าจอที่ชัดขึ้น (ไม่ซีฯ อ่ะ สิวๆ)
- iPad2 ก็ปัดหน้าจอลื่นปื๊ดๆ อยู่แล้ว แรมอะไร ไม่จำเป็น
- 3G ไม่ได้ใช้ Wi-Fi อย่างเดียว 

ถ้าคุณเห็นตามนี้เกิน 3 ข้อ new iPad น่าจะยังไม่ใช่คำตอบของคุณนะครับ รอ iPad4 ปีหน้าโลด 
(เพราะผมเองก็ใช้ iPad1 แล้วมา 3 เลยนะ เปลี่ยนอีกทีคงตอน iPad5, 6 นู่นเลยครับ)

หวังว่าคงเป็นตัวช่วยให้ท่านๆที่ยังลังเล (ยังมีอยู่มั้ย?) ตัดสินใจได้ดีขึ้น (หรือแย่ลง) บ้างนะครับ
สำหรับท่านที่อ่านจนจบ.... ขอนับถือจากใจจริง....



Comments

Popular posts from this blog

จุดเด่น จุดแข็ง ของ Windows Phone ที่หลายๆคนมองข้าม People Hub มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ตอนที่ 1: Link contact

ทำอย่างไร เมื่อเครื่อง Nokia Lumia ของเราเปิดไม่ติด?

รายละเอียดคุณสมบัติใหม่ใน Windows 10 สำหรับมือถือ Build ล่าสุด 10551 และข้อควรระวังก่อนอัพ