[รีวิวจัดเต็ม] Nokia Lumia 1520 มือถือ Windows phone 8 ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ก้าวใหม่ของ Windows phone 8 กับมือถือหน้าจอระดับ 6 นิ้ว Full-HD และ CPU Quad-Core
หลังจากที่ Nokia เปิดตัวมือถือ Windows phone 8 รุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในระดับที่ตัวระบบปฏิบัติการขณะนั้นจะรองรับได้อย่าง Nokia Lumia 920 ซึ่งด้วยข้อจำกัดของตัวระบบปฏิบัติการเองที่ทำให้ความหวังที่จะเห็นมือถือ Windows phone ที่มาพร้อมขุมพลัง CPU ระดับ Quad-core และหน้าจอระดับ Full-HD แบบเดียวกับระบบปฏิบัติการอื่นๆนั้นดูเป็นความหวังที่ต้องรอกันอย่างยาวนาน
แต่ตอนนี้การรอคอยที่ยาวนาน 1 ปีสำหรับชาว Windows phone ก็สิ้นสุดลงแล้วครับกับการมาถึงของมือถือ Windows phone 8 ที่มีสเปคแรงที่สุดในตอนนี้อย่าง Nokia Lumia 1520 นั่นเอง
- สเปค
- แกะกล่อง
- แรกสัมผัส
- ตัวเครื่อง
- หน้าจอ
- ซอฟท์แวร์
- ประสิทธิภาพ
- กล้องถ่ายรูป (กลางวัน, กลางคืน, Loose-less zoom, กล้องหน้า, วิดีโอ, Directional Stereo, การถ่ายไฟล์ RAW)
- การเล่นเกมส์ ดูหนัง, การทำงานเอกสาร, GPS
- อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่
- สรุป
สเปค
สำหรับ Nokia Lumia 1520 นั้นมีสเปคอย่างเป็นทางการตามนี้ครับ
NOKIA LUMIA 1520 | |
ระบบปฏิบัติการ | Windows Phone 8 พร้อมซอฟต์แวร์ Nokia Black |
แบตเตอรี่ | ขนาด 3400 mAh รองรับการชาร์จแบตไร้สายในตัว |
CPU | Snapdragon 800 MSM 8974 Quad-Core 2.2 GHz |
RAM | 2 GB |
หน่วยความจำภายใน | ความจำภายใน 32 GB ขยายหน่วยความจำได้ถึง 64GB ด้วย micro SD การ์ด |
หน้าจอ | IPS LCD full HD 1080p ขนาด 6 นิ้วพร้อมเทคโนโลยี ClearBlack ความหนาแน่นของเม็ดสี 368 ppi โหมด Sunlight readability และ High brightness mode สำหรับการใช้งานกลางแจ้ง พร้อม มุมมองการใช้งานที่กว้าง ระบบสัมผัส Super Sensitive หน้าจอกระจก Gorilla Glass 2 |
กล้องหลัก | PureView 20 ล้านพิกเซล f/2.4 Dual LED Flash เลนส์ Zeiss 6 ชิ้นเลนส์ โฟกัสอัตโนมัติและ Optical Image Stabilization (OIS) ระบบซูม 2 เท่าแบบ lossless และเทคโนโลยี Oversampling โหมดการบันทึกภาพสองขนาด (แบบเดียวกับ Nokia Lumia 1020) ขนาด 5 ล้าน และ 16 ล้านพิกเซลสำหรับอัตราส่วนภาพแบบ 16:9 และ 5 ล้าน + 19 ล้านพิกเซล สำหรับอัตราส่วนภาพแบบ 4:3 ถ่ายวิดีโอ full HD 1080p@30fps ซูมแบบไม่เสียความละเอียดได้ 3 เท่า พร้อม OIS |
กล้องหน้า | เลนส์มุมกว้าง HD ขนาด 1.2 MP f/2.4 |
การเชื่อมต่อต่างๆ | ซิมแบบ Nano-sim Wi-Fi a/b/g/n/ac, NFC, Bluetooth 4.0, USB 2.0 หูฟังขนาด 3.5 มม. |
ไมโครโฟน | ไมโครโฟนแบบ HAAC 4 ตัวเพื่อการตัดเสียงรอบข้างและรองรับการถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี Nokia Rich Audio Recording รุ่นที่ 2 “Directional stereo” |
แบตเตอรี่ | แบตเตอรี่ขนาด 3400 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้ มีระบบชาร์จไร้สายในตัว (inbuilt Qi Wireless charging) |
ขนาด | ยาว 162.8 กว้าง 85.4 หนา 8.7 มม. |
น้ำหนัก | 209 กรัม |
คลื่นความถี่ที่รองรับ | GSM: 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 1900 MHz WCDMA: 850 MHz, 900 MHz, 1900 MHz, 2100 MHz LTE: 1, 3, 7, 8, 20 |
สีที่วางจำหน่าย | แดง (แบบผิวมัน) ขาว, ดำ และเหลือง (3 สีที่เหลือเป็นวัสดุแบบผิวด้านทั้งหมด (Matt)) |
แอพพลิเคชั่นพิเศษ | Nokia Storyteller, Nokia Beamer, Sozoom, |
แกะกล่อง
สำหรับการแกะกล่องก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะครับ เพราะคุณนพได้เคยทำรีวิวแกะกล่องเจ้า Nokia Lumia 1520 ไปแล้ว ซึ่งสามารถดูได้จากที่นี่ครับ
ส่วนบทความนี้ขอพูดถึงสั้นๆว่าภายในกล่อง (ที่มีขนาดใหญ่กว่ากล่องของมือถือ Nokia รุ่นหลังๆพอสมควรนี้) ประกอบไปด้วยของตามมาตรฐาน ได้แก่
- ตัวเครื่อง
- หูฟังแบบ in-ear ที่มาพร้อมกับจุกให้เปลี่ยนเพิ่มอีก 3 ขนาดหูฟังที่แถมมากับเครื่องเป็นไปตามมาตรฐานของมือถือ Nokia Lumia รุ่น top ยุคหลังๆ โดยมีปุ่มรับสาย เพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ตัวหูฟังด้วย ข้อติของหูฟังที่แถมมากับเครื่องก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นคือ คุณภาพเสียงที่ได้อาจจะต่ำไปสักหน่อย เสียงที่ได้ไม่ค่อยมีมิติและไม่ค่อยมีเสียงเบสมากนัก หากต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นก็อาจต้องหาหูฟังดีๆสักอันมาใช้ครับ
- หัวชาร์ตและสาย USB สำหรับการชาร์ต
- เข็มจิ้มซิมและชุดคู่มือต่างๆ
แรกสัมผัส: ใหญ่มากแต่ถ้าคุ้นเคยก็ใช้งานได้สบายๆ
“ใหญ่มาก” นี่คือคำแรกที่ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้สัมผัสเจ้ามือถือยักษ์ตัวนี้ต้องพูดออกมา ด้วยขนาดเครื่องที่กว้างเกือบๆ 9 ซม. และยาวถึง 16.3 ซม. ทำให้คนที่มือเล็กหน่อยอาจจะถือได้ลำบากพอสมควรในตอนแรก ตัวผมเองก็เช่นกันครับ ถึงแม้ตัวผมจะเป็นคนที่มือค่อนข้างเรียกได้ว่าใหญ่แล้ว แต่เมื่อต้องจับเจ้า Nokia Lumia 1520 นี้ครั้งแรก ยอมรับตรงๆว่าประหม่าพอสมควร เนื่องด้วยขนาดที่ใหญ่ของมันทำให้แรกๆเวลาจะทำอะไรต้องประคองด้วย 2 มือเพราะกลัวทำหล่น
แต่เมื่อใช้งานไปได้ซักครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มรู้สึกว่ามันใช้งานได้คล่องตัวกว่าที่คิดและความกังวลในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคยซึ่งผมว่าเราสามารถปรับตัวให้เค้ากับมันได้ไม่ยากนัก
แต่แน่นอนว่ามือถือเครื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นมิตรสำหรับทุกคนครับ เพราะขนาดที่ใหญ่พอสมควรที่อาจจะทำให้คนมือเล็กๆและคุณผู้หญิงอาจจะต้องใช้งานด้วย 2 มือตลอดเวลาที่ใช้งาน สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้งานเจ้า Lumia 1520 ได้หรือไม่ ส่วนตัวผมแนะนำว่า ต้องลองไปจับๆวัดขนาดดูที่ Nokia Shop ก่อน แต่ต้องลองจับดูซักครู่นะครับถึงจะเริ่มเข้าสู่สภาวะที่สามารถตัดสินใจได้ว่า จะรับกับขนาดที่ใหญ่พอสมควรของมันได้หรือไม่ (จับเล่น 2-3 นาทีไม่มีผลครับ ความรู้สึกจะยังคงกลับมาที่คำว่า “ใหญ่มาก ไม่ไหวอ่ะ” เหมือนเดิม)
จากภาพข้างบนจะเห็นว่า เมื่อเราเทียบกับมือถือรุ่นพี่อย่าง Nokia Lumia 920 ก็จะเห็นว่าขนาดของทั้ง 2 เครื่องต่างกันพอสมควร ถึงแม้ Nokia Lumia 920 จะมีความกว้างของเครื่องที่ 7.1 ซม. แต่ว่าก็เทียบกับ 9 ซม. ของ Nokia Lumia 1520 ไม่ได้
และถ้ามองในมุมของน้ำหนักเครื่อง Nokia Lumia 1520 ที่หนัก 209 กรัม ก็หนักกว่ารุ่นพี่อย่าง Lumia 920 ที่หนัก 185 กรัมไปอีกพอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบ Wireless charging ที่ต้องมีชุดขดลวดภายในเครื่องด้วยนั่นเอง (สำหรับคนที่คิดว่า Lumia 920 หนักแล้ว อาจจะต้องทำใจว่าเจ้า Lumia 1520 จะหนักกว่านั้นนิดนึงครับ) (ไม่ต้องพูดถึงความยาวของตัวเครื่องที่ต่างกันเยอะมากกันเลย)
ใหญ่ขนาดไหน เทียบง่ายๆก็ใหญ่กว่า Samsung Galaxy Note 3 อีกนิดนึง...นั่นแหละครับ Nokia Lumia 1520…
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ต้องบอกว่าสำหรับคนที่ใส่กางเกงแบบพอดีตัวหน่อย อาจจะเก็บเจ้า Nokia Lumia 1520 เข้ากระเป๋ากางเกงลำบากอยู่บ้าง (สำหรับคุณผู้หญิงน่าจะเก็บเอาไว้ในกระเป๋าถือได้ไม่มีปัญหาอะไร) และสำหรับผู้ที่ตัวใหญ่หน่อยหรือใส่กางเกงหลวมๆกระเป๋าใหญ่ๆ การเก็บเจ้า Lumia 1520 ใส่ในกระเป๋ากางเกงน่าจะไม่เป็นปัญหาอะไรผมเป็นคนตัวใหญ่และสูงเกือบ 185 ซม. นะครับ |
สรุปทิ้งท้ายตรงนี้ง่ายๆว่า มือถือรุ่นนี้บอกได้ค่อนข้างลำบากว่าขนาดของมันจะเหมาะกับแต่ละคนหรือไม่ ผมแนะนำให้ต้องไปลองจับกันดูเองจริงๆครับ เพราะมาตรฐานของสรีระและความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมบอกได้แค่ว่าจากที่ลองใช้มา ขนาดของเจ้า Nokia Lumia 1520 ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับผมครับ
ตัวเครื่อง: ดีไซน์ยังสวยตามแบบฉบับ Nokia Lumia
สำหรับเรื่องตัวเครื่องและการออกแบบ ยังคงคุณภาพตามมาตรฐานของ Nokia ครับ งานประกอบไม่มีอะไรให้ต้องติ ทุกอย่างทั้งความแน่นหนาและคุณภาพวัสดุทำออกมาได้ดีสมราคา ตัวเครื่องทำจากพลาสติก Polycarbonate ชิ้นเดียวที่ให้ความรู้สึกต่างกับการจับตัวเครื่องที่ทำจากอลูมิเนียมแบบใน Lumia 925 หรือกับมือถือยี่ห้ออื่นๆแนวทางการออกแบบตัวเครื่องจะให้ความรู้สึกว่าเจ้า Lumia 1520 นั้นคือ Lumia 720 เวอร์ชั่นขยายร่าง เพราะความบางและแนวทางการออกแบบมาในแนวทางเดียวกัน เพียงแต่ในส่วนโมดูลกล้องเท่านั้นที่จะไปเหมือนกับใน Lumia 925 ที่โมดูลกล้องจะมีลักษณะยื่นออกมาเล็กน้อย ซึ่งอาจจะทำให้หลายๆคนกังวลเรื่องการที่กระจกเลนส์จะเป็นรอยหากวางกับพื้นโดยเอาด้านหลังเครื่องลง ซึ่งก็ต้องตอบตามตรงว่ามีโอกาสพอสมควรเพราะถึงแม้ตัวเครื่องจะมีส่วนที่ยื่นออกมาพ้นแผ่นกระจกเลนส์เพื่อป้องกันการเกิดเหตุนั้นแล้ว แต่ว่าส่วนที่ยื่นออกมาก็แค่นิดเดียวเท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นกันไว้ก่อนดีกว่าแก้
ยื่นออกมาจริง แต่แค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ครับ |
เราลองมาดูองค์ประกอบอื่นๆของเจ้า Nokia Lumia 1520 กันครับ
ตัวเครื่องด้านบนมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ตัวเครื่องด้านซ้ายประกอบไปด้วยปุ่มสามปุ่มตามมาตรฐานของมือถือ Nokia Lumia ทั้งหมดครับ โดยลำดับของปุ่มจากบนลงล่างคือ ปุ่มเพิ่มเสียง, ลดเสียง, ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มกล้อง โดยปุ่มของ Nokia Lumia 1520 นั้นทำจากเซรามิคหรือแร่เซอร์โคเนียม (Zirconium) แบบเดียวกับที่ใช้ใน Lumia 920 แต่จุดที่ต่างคือตัวปุ่มสำหรับเครื่องสีขาวจะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องแล้ว (ตอน Lumia 920 และ 1020 ปุ่มของเครื่องสีขาวจะเป็นสีดำ)
ปุ่มสีขาวเข้ากับตัวเครื่องทำจากแร่เซอร์โคเนี่ยมหรือเซรามิค |
ซึ่งการที่จะใส่ซิมหรือ SD Card ได้นั้นเราต้องใช้เข็มจิ้มซิมที่มาพร้อมเครื่องเพื่อดันช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ทั้ง 2 อย่างออกมา ถ้าจะนับเป็นจุดด้อยก็อาจจะพูดได้ครับ เพราะการที่เราต้องเข็มจิ้มซิมเผื่อเอาไว้เวลาที่เราต้องการถอด SD Card ออกทุกครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สะดวกนัก แต่ว่าก็ไม่ใช่ข้อเสียใหญ่ซะทีเดียว
เรื่องที่น่ายินดีคงเป็นเรื่องของการที Nokia ได้เพิ่มส่วนการรองรับหน่วยความจำภายนอกอย่าง Micro SD Card สำหรับมือถือรุ่นเรือธงของตัวเองแล้ว ซึ่งด้วยหน่วยความจำภายในสำหรับ Lumia 1520 รุ่นที่ขายในเมืองไทยเอง ก็ให้ความที่มากถึง 32GB อยู่แล้ว การที่เราสามารถเพิ่มหน่วยความจำได้อีกถึง 64GB ก็ทำให้เราลืมปัญหาเรื่องหน่วยความจำไม่พอไปได้เลยครับ
ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีแค่พอร์ต micro USB สำหรับการชาร์ตไฟและการเชื่อมต่อข้อมูลกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น
โมดูลกล้อง
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ว่าโมดูลกล้องของ Lumia 1520 จะคล้ายๆกับ Lumia 925 ที่โมดูลกล้องจะยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อยจุด 5 จุดด้านบนคือไมโครโฟนตัวที่ 3 ของ Nokia Lumia 1520 ครับ |
ในเรื่องของโมดูลกล้องเราจะได้พูดถึงโดยละเอียดในส่วนต่อไป
ด้านบนของโมดูลกล้องจะเป็นตำแหน่งของแฟลชคู่แบบ LED ที่ให้ความสว่างในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้น่าพอใจ
without flash |
with flash |
without flash |
with flash |
ส่วนล่างของด้านหลังเครื่องจะเป็นตำแหน่งของลำโพง
สำหรับเรื่องของเสียงที่ได้จากลำโพงนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างน่าประทับใจ เสียงดังฟังชัด เพียงแต่ว่าคุณภาพเสียงที่ได้นั้นอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร เสียงค่อนข้างแบนขาดมิติไปซักหน่อย แต่ว่าก็ไม่ได้ถือว่าแย่ครับ แต่ถ้าเทียบเรื่องความดังของลำโพง Lumia 1520 ถือว่าทำออกมาได้ดังมาก มากกว่ามือถือรุ่นก่อนหน้าพอสมควรเมื่อเทียบกับการเปิดเพลงจากแอพเดียวกัน ที่ระดับความดังเท่ากัน
สำหรับท่านที่กังวลว่าเสียงลำโพงจะเบาลงหรือไม่ถ้าเราวางเครื่องแบบโดยหงายเครื่องไว้ ต้องบอกว่า Nokia ออกแบบเจ้า Lumia 1520 เอาไว้ให้ส่วนที่เป็นลำโพงนั้นอยู่ตรงส่วนของโค้งของด้านล่างตัวเครื่องพอดีครับ ทำให้ถึงแม้เราจะวางเครื่องแบบหงายหน้าจอไว้ ลำโพงก็จะไม่โดนกดทับและเสียงที่ได้ก็ยังดังดีอยู่ และอาจจะดังกว่าเดิมด้วยครับ
เพราะเสียงที่ลอดออกมาตอนที่เราวางเครื่องหงายเอาไว้จะสะท้อนกับพื้นผิวและทำให้เราได้ยินเสียงชัดขึ้นกว่าตอนไม่วางบนพื้นซะอีก
หน้าจอ: จุดเด่นใหญ่ จุดขายอีกจุดของ Lumia 1520 ถึงจะเป็นหน้าจอ IPS LCD แต่ก็แจ่มไม่แพ้ใคร หน้าจอยอดเยี่ยมระดับแถวหน้าของตลาด
จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ของเจ้า Nokia Lumia 1520 นั้นน่าจะเป็นเรื่องของหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full-HD ของมันครับ หน้าจอทำด้วยกระจกโค้ง 2.5D แบบเดียวกับที่ใช้ใน Lumia 920 และ 1020 แต่น่าจะด้วยพื้นที่ของหน้าจอที่ใหญ่กว่าผมจึงรู้สีกว่า Lumia 1520 มีความโค้งน้อยกว่าจอของ Lumia 920 พอสมควร เกือบๆจะเรียบเท่ากับหน้าจอของ Lumia 925 ที่มีความโค้ง 2.25D เลยทีเดียว และครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 2 (เสียดาย น่าจะเป็น Gorilla Glass 3 ไปเลยเพื่อการจัดเต็มด้านสเปคอย่างสมบูรณ์แบบ)
หน้าจอของ Lumia 1520 เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD ที่ให้สีสันไม่จิ๊ดจ๊าดระดับหน้าจอแบบ AMOLED แบบที่ใช้ใน Lumia 925 และ 1020 แต่ว่าสีสันของหน้าจอ Lumia 1520 ก็ไม่ได้จืดซะทีเดียวครับ ตรงข้ามกลับให้สีที่สวยงามสบายตา แต่ถ้าใครชอบหน้าจอที่สีสันสดขึ้นมาอีกหน่อย Nokia ก็ได้เตรียมซอฟท์แวร์สำหรับการปรับหน้าจอให้มีสีสันที่สดขึ้นผ่านซอฟท์แวร์ที่มีชื่อว่า Lumia Color Profile หรือโปรไฟล์สี Lumia
ส่วนการแสดงผลสีดำนั้น ด้วยเทคโนโลยี ClearBlack ของ Nokia เองก็ทำให้การแสดงผลสีดำ ทำออกมาได้ดำสนิท เทคโนโลยี PureMotion HD+ เองก็ทำหน้าที่ได้ดี ทำให้การแสดงผลเมื่อเลื่อนหน้าจอเร็วๆลื่นไหลมาก (แบบเดียวกับที่มือถือ Lumia ตระกูล 920 ขึ้นไปสามารถทำได้) และนอกจากนั้นมุมมองการมองเห็นของหน้าจอก็ค่อนข้างกว้าง แม้จะมองจากระนาบเดียวกับหน้าจอ
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเทคโนโลยีการแสดงผลกลางแจ้ง (Sunlight readability) ที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มของ Nokia ที่ชื่อว่า Assertive display (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่) ที่ทำให้หน้าจอของเจ้า Lumia 1520 สามารถแสดงผลให้เราอ่านตัวอักษรได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง และมีการสะท้อนของหน้าจอน้อยมาก จากที่ผมทดสอบมาหลายวัน ต้องบอกว่า Nokia ทำได้ตามที่โฆษณาเอาไว้จริงๆครับ
ซึ่งส่วนตัวผมยกให้หน้าจอของ Lumia 1520 เป็นหน้าจอมือถือที่สวยที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดเลย
สุดท้าย ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่จุใจระดับ 6 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full-HD 1080p ถึงแม้ตัวเลขความหนาแน่นของเม็ดสีที่ 368 ppi อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่สูงมากตามสเปคปัจจุบัน แต่ก็ทำให้การใช้งานด้านความบันเทิงต่างๆไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ท่องเว็บ อ่าน e-book หรือเล่นเกมส์ทำได้เต็มอารมณ์เลยทีเดียว
จุดติเล็กๆอย่างเดียวที่ผมเสียดายคือ
การทำมือถือหน้าจอใหญ่ระดับ 6 นิ้วแต่ไม่ทำให้รองรับการใช้งานกับปากกาสไตลัสแบบเดียวกับที่ Samsung ทำกับมือถือตระกูล Galaxy Note เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่พอสมควร เพราะมันทำให้รู้สึกว่ายังใช้ประโยชน์จากหน้าจอที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ไม่เต็มที่
แต่ส่วนหนึ่งก็เข้าใจได้ครับว่าระบบ Windows phone 8 เองยังไม่ได้ออกแบบให้ทำงานร่วมกับปากกาสไตลัสได้ และนี่เป็นก้าวแรกของการทำมือถือจอใหญ่ของทั้ง Nokia และ Microsoft ซึ่งเราก็อาจจะคาดหวังเรื่องการใช้งานกับปากกาได้ในมือถือรุ่นต่อๆไป ซึ่งทำให้เรื่องการที่เจ้า Lumia 1520 ไม่รองรับการใช้งานกับปากกาจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะต้องยกมาเป็นข้อด้อยมากนัก
ซอฟท์แวร์: มือถือ Nokia รุ่นแรกที่มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ Lumia Black และ Windows phone 8 GDR3
Nokia Lumia 1520 เป็นมือถือในตระกูล Lumia รุ่นแรกที่มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ Lumia Black ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ที่ทาง Nokia พัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมจากอัพเดทระบบ GDR3 จาก Microsoft อีกทีหนึ่ง ซึ่งเราเคยพูดถึงคุณสมบัติต่างๆที่มีในอัพเดท GDR3 ของ Microsoft ไปแล้ว ในบทความนี้ทุกท่านสามารถเข้าไปดูได้ครับว่าอัพเดท GDR3 จาก Microsoft เพิ่มอะไรเข้ามาให้เราได้ใช้งานกันบ้าง
ในบทความนั้นมีอะไร เจ้า Nokia Lumia 1520 ก็สามารถทำได้ทุกอย่างตามบทความเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Glance screen ใหม่ที่แสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆได้, การรองรับการถ่ายรูปแบบไฟล์ RAW หรือ DNG (จะได้กล่าวถึงอย่างละเอียดในส่วนภาพถ่ายต่อไป) , การองรับแอพใหม่ๆที่ต้องการเฟิร์มแวร์ Lumia Black โดยเฉพาะอย่าง Nokia Beamer เป็นต้น
นอกจากนี้สิ่งที่อัพเดท GDR3 และ Lumia Black เพิ่มเข้ามาให้อีกอย่างคือการแสดงผล Live tiles ขนาดปกติเพิ่มอีก 1 แถว ซึ่งมือถือ Windows phone 8 ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่อย่างเจ้า Lumia 1520 เองก็ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัตินี้แบบเต็มๆ และผมเคยเขียนเรื่องของหน้าจอขนาดใหญ่ที่ให้ประโยชน์ในการใช้งานด้านต่างๆเอาไว้ตามนี้แล้วครับ
ประสิทธิภาพ: เร็วแรงกว่าเดิม 2.5 เท่า วัดจากตัวเลขในแอพ Benchmark ชื่อดัง Antutu
ด้วย CPU ระดับ Qualcomm Snapdragon 800 Quad-Core ความเร็ว 2.2 GHz พร้อมแรม 2GB น่าจะทำให้เราไม่ต้องตั้งคำถามกันมากกับประสิทธิภาพของเจ้า Nokia Lumia 1520 ครับ การทำงานลื่นไหล ที่เห็นได้ชัดเจนคือการรีสตาร์ทเครื่องและการเปิดแอพที่เป็น 3rd party ต่างๆเช่น Facebook, Instagram หรือ Line ที่ทำได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Lumia 1020, 925 พอสมควร
ผมลองทดสอบกับโปรแกรม Benchmark ยอดนิยมอย่าง Antutu ที่ตอนนี้มีเวอร์ชั่น beta บนระบบ Windows phone 8 แล้ว โดยทดสอบเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นพี่อย่าง Nokia Lumia 920 และ 925 ซึ่งผลที่ได้แสดงตามรูปครับ
ผลการทดสอบเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา Lumia 920, 925, 1520 |
จากรูปลำดับของผลการทดสอบคือ Lumia 920, Lumia 925 และ Lumia 1520 (ผมไม่มี Lumia 1020 ให้เปรียบเทียบครับ ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ครับ)
แต่ถ้าเราเปิดการทดสอบ GPU บน Lumia 1520 ด้วย ผลคะแนนที่ได้จะออกมาสูงขึ้นอีกนิดหน่อย
แต่ถ้าตัดเอาเรื่องตัวเลขต่างๆออกไป ด้วยความที่ระบบ Windows phone 8 และแอพส่วนมากในปัจจุบันทำออกมาเพื่อรองรับการใช้งานกับมือถือที่มี CPU ระดับ Dual-core ที่ออกมาก่อนหน้านี้ได้อย่างลื่นไหลอยู่แล้ว จึงทำให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของเจ้า Lumia 1520 อาจจะยังใช้งานได้ไม่เต็มความสามารถ แต่คาดว่าในอนาคต ทั้ง Microsoft, Nokia และนักพัฒนาอื่นๆน่าจะใช้ประโยชน์จาก CPU ระดับ Quad-core ได้มากขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่เราสามารถมองได้ว่า Lumia 1520 สามารถรองรับการอัพเกรดในอนาคตได้อีกนานพอสมควร
กล้องถ่ายรูปและภาพถ่าย: เทคโนโลยี PureView ความละเอียด 20 ล้านพิกเซลและอัลกอริทึ่มการประมวลผลแบบใหม่ในเฟิร์มแวร์ Lumia Black
กล้องของ Nokia Lumia 1520 ประกอบไปด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้นจาก Zeiss ความละเอียดของเซ็นเซอร์อยู่ที่ 20 ล้านพิกเซล โดยสามารถถ่ายรูปจริงๆได้ที่ความละเอียด 19 ล้านพิกเซลสำหรับภาพสัดส่วน 4:3 และ 16 ล้านพิกเซลสำหรับภาพสัดส่วนขนาด 16:9 หรือ Wide screen
นอกจากนี้คุณสมบัติของกล้องของ Lumia 1520 ที่เหลือมีดังนี้ครับ ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.5 นิ้ว ที่เล็กกว่า Lumia 1020 ครึ่งหนึ่ง (1/1.5 นิ้ว) แต่ก็ใหญ่กว่ามือถือกล้อง PureView รุ่นก่อนหน้าอย่าง Lumia 920 ที่มีเซ็นเซอร์ชนาด 1/3.2 นิ้ว ซึ่งนั่นทำให้กล้องของ Nokia Lumia 1520 นั้นถ้าจะให้พูดง่ายๆตามทฤษฏีแล้ว ภาพที่ได้น่าจะมีคุณภาพอยู่ระหว่างกลางเมื่อเทียบกับคุณภาพของภาพที่ได้จาก Lumia 920 และ 1020 แต่จากเท่าที่ผมทดลองมา ส่วนตัวผมว่า Lumia 1520 ถ่ายภาพออกมาได้ดีกว่าจุดที่เรียกว่าตรงกลางระหว่าง 2 รุ่นมากทีเดียว
การถ่ายรูปกลางวันทำออกมาได้ดี แสง และสีที่ได้สวยงาม คมชัดไม่มีปัญหาเรื่องภาพ soft ถึงแม้จะไม่ได้ในระดับเดียวกับ Nokia Lumia 1020 แต่ว่าด้วยคุณภาพระดับนี้และหน้าจอการแสดงผลที่สวยงาม ผมว่าก็เพียงพอต่อความต้องการใช้งานสำหรับคนทั่วไปแล้วครับ
การถ่ายรูปของ Nokia Lumia 1520 ผ่านแอพถ่ายรูปคุณภาพสูงอย่าง Nokia camera จะบันทึกรูปเอาไว้ที่ 2 ความละเอียดครับคือที่ 5 ล้านพิกเซลและ 19 ล้านหรือ 16 ล้าน (ตามอัตราส่วนภาพที่เราเลือก) ซึ่งขนาดไฟล์รูปที่บันทึกไว้สำหรับความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซลมีขนาดไฟล์รูปประมาณ 1.7-2.2 MB และถ้าเป็นรูปที่ความละเอียด 19 หรือ 16 ล้านจะมีขนาดไฟล์ที่ประมาณ 5MB (ส่วนรายละเอียดของ Nokia Camera สามารถอ่านได้จากที่นี่)
ข้อดีอีกอย่างที่ Nokia Lumia 1520 มีคือ ด้วย CPU ระดับ Quad-core และแรมที่อัดมาให้ 2 GB ทำให้การเข้าเมนูกล้อง, การถ่ายรูป และการบันทึกรูปนั้นทำได้เร็วกว่ารุ่นพี่อย่าง Lumia 1020 พอสมควร
เรียกว่าถ่ายแล้วดีเลย์เล็กน้อย (ไม่ถึงขนาด 2-3 วินาทีแบบของ Lumia 1020 แต่ต้องยอมรับว่ายังไม่เร็วในระดับ zero-shutter-lag แบบใน Android หรือ iOS)
การถ่ายภาพโหมด Macro ทำได้ดีกว่า Lumia 1020 เพราะว่าระยะโฟกัสต่ำสุดของ Lumia 1520 อยู่ที่ 10 ซม.(Lumia 1020 อยู่ที่ 15 ซม.) อาจจะถ่ายไม่ได้ใกล้เท่า Lumia 920,925 แต่ว่าก็ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (Lumia 920, 925 ระยะโฟกัสใกล้สุดอยู่ที่ 8 ซม.)
ปัญหา White balance เพี้ยน ผมมองว่าก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่อาจจะไม่ได้เพี้ยนหนักแบบรุ่นก่อนหน้า คาดว่าน่าจะด้วยอัลกอริทึ่มการถ่ายภาพใหม่ในเฟิร์มแวร์ Lumia Black ซึ่งช่วยทำให้อาการเพี้ยนของ White balance น้อยลง (ส่วนความเห็นของทุกท่านจะมองว่าอย่างไร ลองดูได้จากตัวอย่างภาพถ่ายครับ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Nokia Lumia 1520 เวลากลางวัน ที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลโดยตั้งค่าเป็น Auto ทั้งหมด
แบบไม่ลดขนาดก่อนอัพโหลด
แบบที่ลดขนาดแล้ว (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Nokia Lumia 1520 เวลากลางวัน ที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลโดยตั้งค่าเป็น Auto ทั้งหมด
แบบไม่ลดขนาดก่อนอัพโหลด
ภาพถ่ายกลางคืน
ในแง่ของการถ่ายภาพกลางคืนของ Nokia Lumia 1520 นั้น ด้วยความที่ค่า f หรือรูรับแสงของ Lumia 1520 นั้นเล็กกว่ารุ่นพี่อย่าง Lumia 1020 หรือ Lumia 920 (ค่ารูรับแสงของ Lumia 1520 อยู่ที่ f/2.4, Lumia 1020 = f/2.2, Lumia 920 = f/2.0)ซึ่งผลที่ได้ผมรู้สึกว่าภาพถ่ายตอนกลางคืนของ Lumia 1520 จะมืดกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าเพราะขนาดรูรับแสงที่เล็กกว่า แต่ข้อดีของมันก็คือ แสงสีต่างๆจะออกมาเป็นธรรมชาติกว่าการถ่ายรูปด้วยมือถือทั้ง 2 รุ่นก่อนหน้า และการถ่ายรูปให้ชัดในตอนกลางคืนนั้น ผมรู้สึกว่า Lumia 1520 ทำออกมาได้ง่ายกว่า (เทียบกับ Lumia 920 ที่ผมใช้เป็นมือถือเครื่องหลักมา 1 ปี)
หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะอัลกอริทึ่มการประมวลผลการถ่ายรูปแบบใหม่ใน Lumia Black ก็เป็นได้ ทั้งนี้ต้องลองดูตอนที่มือถือรุ่นก่อนหน้าได้รับการอัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ทั้งหมด แล้วต้องจับมาประชันกันอีกครั้งครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Nokia Lumia 1520 เวลากลางคืน โดยตั้งค่าเป็น Auto ทั้งหมด
Loose-less zoom ถึงแม้จะทำไม่ได้ขนาด Lumia 1020 แต่ก็น่าประทับใจ
Loose-less zoom หรือการซูมแบบไม่เสียความละเอียดนั้น เจ้า Lumia 1520 รองรับการซูมได้ 2 เท่าแบบไม่เสียความละเอียดได้สูง 2 เท่า (Lumia 1020 ซูมได้ 3 เท่า) แต่คุณภาพที่ได้ถือว่าน่าพอใจครับ เพราะถึงแม้จะเป็นการถ่ายในสภาวะแสงน้อยและซูมเข้าไปอีกที่ตัวนักร้องที่เคลื่อนไหวอยู่ คุณภาพที่ออกมาถือว่าน่าพอใจครับแต่อาจจะไม่ถึงขั้น “ชัดเหมือนได้ใกล้ชิด” ครับก่อนซูม |
หลังซูม |
ก่อนซูม |
หลังซูม |
การถ่ายรูปแบบไฟล์ RAW: คุณสมบัติใหม่เอกสิทธเฉพาะมือถือ Lumia 1520 และ 1020 เท่านั้น
สำหรับคุณสมบัติการถ่ายภาพให้ได้ไฟล์ RAW หรือไฟล์นามสกุล DNG (Digital Negative) นั้นคือไฟล์รูปดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการตกแต่งด้วยอัลกอริทึ่มต่างๆของซอฟท์แวร์ ซึ่งคุณสมบัตินี้จะมีอยู่ในกล้องโปร แต่ตอนนี้เราสามารถถ่ายรูปแบบไฟล์ RAW หรือ DNG ได้จากมือถือของเราแล้วการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW ต้องทำผ่านแอพ Nokia Camera และต้องอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วเท่านั้น (เครื่องที่ผมได้รับมาทดสอบ แอพ Nokia Camera ยังไม่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดตอนแรกจึงไม่มีตัวเลือกสำหรับการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW)
[box_alert]ข้อแม้เดียวคือ หากเราตั้งค่ากล้องให้เป็นโหมดสำหรับการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW นั้น เราจะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นถ่ายก่อนซูมทีหลังหรือ Reframing ของแอพ Nokia Camera ได้ ก็ต้องเลือกเอานะครับ[/box_alert]
โดยภาพเปรียบเทียบระหว่างไฟล์ปกติที่ผ่านการปรับแต่งด้วยซอฟท์แวร์กล้องของ Nokia และไฟล์ RAW อยู่ด้านล่างนี้ครับ
ไฟล์ที่ผ่านการ Process |
ไฟล์ RAW (DNG) |
ไฟล์ที่ผ่านการ Process |
ไฟล์ RAW (DNG) |
ไฟล์ที่ผ่านการ Process |
ไฟล์ RAW (DNG) |
ส่วนท่านใดอยากได้ไฟล์ RAW ที่มีขนาดไฟล์ละ 20MB สามารถลองดาวน์โหลดได้จากที่นี่ครับ
กล้องหน้า: ปรับปรุงขึ้น แต่ยังคงเป็นพื้นที่ที่ Nokia สามารถปรับปรุงอะไรได้อีกเยอะ
ที่จั่วหัวแบบนี้เพราะว่า กล้องหน้าของ Nokia Lumia 1520 นั้นมีความละเอียดเท่ากับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Nokia Lumia 1020 หรือ 925, 920 เลยครับ แต่จากที่ได้ลองถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าในสภาวะแสงปกติ ผมก็พบว่าคุณภาพของภาพถ่ายดูจะดีขึ้น น่าจะเป็นผลจากอัลกอริทึ่มใหม่ในเฟิร์มแวร์ Lumia Blackอย่างไรก็ดี หาก Nokia จะปรับปรุงกล้องหน้าให้ออกมาดีกว่านี้ได้อีกนิด น่าจะดีไม่น้อยครับ
การถ่ายวิดีโอ: คุณภาพของวิดีโอดีขึ้นเล็กน้อย แต่ระบบเสียงนั้นดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ด้วยไมโครโฟน HAAC 4 ตัวและเทคโนโลยี Directional Stereo
Nokia Lumia 1520 สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ 1080p ได้ที่เฟรมเรต 30 fps มาพร้อมระบบกันสั่นที่ยังทำหน้าที่ได้ดี การถ่ายวิดีโอตอนกลางวันไม่มีอะไรให้ติครับ ส่วนการถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงน้อยแบบไม่เปิดไฟแฟลชช่วย ส่วนตัวผมมองว่าทำได้ดีขึ้นวิดีโอออกมาสว่างขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า White balance ตอนที่แพนกล้องไปเจอแสงที่เปลี่ยนไปอาจจะมีเพี้ยนอยู่บ้างแต่คุณภาพโดยรวมถือว่าน่าพอใจแต่สิ่งที่ส่วนตัวผมมองว่าได้รับการปรับปรุงมากคือการบันทึกเสียงครับ เพราะ Lumia 1520 มาพร้อมไมโครโฟน HAAC คุณภาพสูงจาก Nokia ถึง 4 ตัวและคุณสมบัติ Directional Stereo ที่ผมเคยเขียนถึงเอาไว้ในบทความนี้ครับ
การทดสอบบันทึกเสียงของผม ทำแบบบ้านๆคือการไปนั่งที่ลานเบียร์แบบ open air (เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง 555+) โชคดีมากที่วันนั้นมีคอนเสิร์ตพอดีจีงได้ลองบันทึกเสียงมาประกอบการรีวิวนี้ ซึ่งคุณภาพเสียงที่ได้ออกมาดีกว่าที่ผมคาดไว้ครับ เพราะจุดที่ผมนั่งนั้นห่างจากลำโพงพอสมควร (ถ้ามองจากวิดีโอนี้ ลำโพงที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ทางขวาของกล้อง ห่างไปอีก 4-5 โต๊ะ) แต่คุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าดี และเสียงรบกวนน้อยมาก เพราะธรรมชาติของลานเบียร์คือทุกคนมานั่งคุยกัน และตอนนั้นเพื่อนผมก็กำลังคุยกันออกรสชาติเลยทีเดียว แต่เสียงแทบไม่เข้ามาที่กล้องเลย
ขออภัยที่ถ่ายไม่จบเพลงเพราะตอนนั้นมือเริ่มล้าและมือถือหลุดมือพอดีครับ และช่วงต้นมีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เข้ามาแทรกเล็กน้อย
นอกจากนี้ในวิดีโอนี้ผมยังทดสอบการซูมแบบไม่เสียความละเอียดของวิดีโอที่สามาถซูมได้ 3 เท่า ผลก็ออกมาตามวิดีโอข้างล่างครับ
ความบันเทิงและการทำงาน: หน้าจอใหญ่ขึ้น ทำอะไรก็สะดวก
หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นของ Lumia 1520 นั้น Nokia ชูเรื่องของความบันเทิงและการใช้งานแอพต่างๆอย่างจุใจเป็นจุดขาย ซึ่งหากมองในแง่นี้ Lumia 1520 ก็ทำได้ตามที่ Nokia คุยเอาไว้ (เสียดายอีกที ถ้าสามารถรองรับการใช้งานกับปากกาได้ คงจะดีไม่น้อย การจดบันทึกต่างๆจะทำได้ดีขึ้น แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้นครับ มันไม่ใช่ทางของ Nokia)การเล่นเกมส์บนหน้าจอขนาดใหญ่ และ CPU ระดับ Quad-core ไม่มีอะไรให้ต้องติ ลื่นไหลดีมากๆและการแสดงผลสีสันในเกมส์ก็สวยงามด้วยเทคโนโลยีของจอ รวมถึงลำโพงที่ดังมาก ทำให้การเล่นเกมส์ได้อรรถรสดีเลย
เรื่องความร้อนจากการเล่นเกมส์ยังมีอยู่ครับ ผมทดสอบด้วยการเล่นเกมส์ Asphalt 8: Airborne เป็นเวลาประมาณ 15 นาทีก็พบว่าเครื่องร้อนขึ้นพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงกับร้อนจัด แต่ก็เรียกได้ว่าปัญหาความร้อนยังมีอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาที่ชิปเซ็ทที่แรงมากอย่าง Snapdragon 800 นั่นเอง
การดูหนังทั้งการดูไฟล์ YouTube ระดับ HD หรือการดูหนังไฟล์ hi-def ที่เจ้า Lumia 1520 ก็รองรับเพราะหน้าจอที่รองรับการแสดงผลระดับ Full-HD 1080p แล้ว และตอนนี้ก็มีแอพสำหรับการดูหนังแบบ Hi-Definition ที่รองรับการเล่นไฟล์ MKV ที่สมบูรณ์บนระบบ Windows phone 8 แล้วอย่าง Moliplayer ทำให้การดูหนัง Full-HD ซักเรื่องบนเจ้า Lumia 1520 นี้เป็นอะไรฟินมาก
ความร้อนของเครื่องจากการดูหนังและคลิป YouTube ผ่าน WiFi ไม่ค่อยมี สามารถดูซีรียส์ 1 ตอนได้สบายๆโดยที่เครื่องยังไม่ร้อนครับ
การทำงานและท่องเว็บก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจครับ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น การอ่านเอกสาร, e-book รวมถึงการแก้ไขเอกสาร Microsoft office ทำได้สะดวกขึ้น และการอ่านเว็บก็รวดเร็วดี ตัวอักษรแสดงผลได้ชัดเจน
GPS และการจับสัญญาณ
Nokia ยังคงแถมแอพนำทางของตัวเองอย่าง Here Map และ Here Drive+ สำหรับผู้ที่ซื้อ Lumia 1520 ครับการเรียกดูแผนที่แบบออฟไลน์บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังดูแผนที่ผ่านเครื่องนำทางเครื่องหนึ่ง การจับสัญญาณตำแหน่งของเครื่องทำได้รวดเร็วมาก เร็วกว่ารุ่นอื่นๆก่อนหน้าที่ทำได้เร็วอยู่แล้วไปอีกขั้น แต่ที่เร็วขึ้นมากคือการเปิดแอพครับ Lumia 1520 ใช้เวลาในการเปิดแอพ Here Drive+ ได้เร็วกว่า Lumia 920 แบบรู้สึกได้
การใช้งานเป็นโทรศัพท์
สัญญาณและคุณภาพเสียงที่ได้จาก Lumia 1520 เป็นอะไรที่ดีตามมาตรฐานของ Nokia Lumia รุ่นใหญ่ครับ คุณภาพเสียงสนทนาชัดเจน มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างให้ และการสนทนาต่อเนื่องเป็นเวลา 10-15 นาทีก็ไม่ทำให้เครื่องร้อนขึ้นแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้ามากนักสิ่งเดียวที่อาจจะรู้สึกขัดๆในช่วงแรกคือ การยกมือถือขนาดหน้าจอ 6 นิ้วขึ้นแนบหูตอนโทรศัพท์ ซึ่งส่วนตัวผมไม่เคยยกมือถือที่ใหญ่ขนาดนี้แนบหูเลย ทำให้รู้สึกว่าขัดๆพอสมควรในช่วงแรก แต่พอใช้งานได้ 1-2 วันก็ชินขึ้น ใช้งานได้สบายและไม่ได้รู้สึกว่าลำบากนัก (อาจจะยังมีบ้างตอนที่คุยโทรศัพท์แล้วต้องหนีบเอาไว้กับไหล่เพื่อจดอะไรซักอย่าง...ตอนนั้นความป่วนต่างๆจะเข้ามาเยือนครับ)
แต่สำหรับท่านทีเคยมีประสบการณ์ใช้ Galaxy Tab ในการโทรศัพท์ ก็ไม่น่าจะประสบปัญหาแต่อย่างใด
อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่
แต่ด้วยหน้าจอระดับ Full-HD และ CPU ระดับ Quad-core ที่เป็นตัวดูดพลังงานแบตเตอร์รี่ขั้นดี ก็อาจจะไม่ได้ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของเจ้า Lumia 1520 นานกว่ารุ่นพี่ในระดับ 3-4 เท่า
ส่วนตัวผมได้ลองใช้งานเจ้า Lumia 1520 เป็นเครื่องหลักแบบจริงจังเต็มวัน ในชีวิตประจำวันทั่วไปแค่ 2-3 วันเท่านั้น เรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่อาจจะยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เพราะตามปกติของมือถือตระกูล Lumia ที่ผ่านมา อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่จะเริ่มเข้าที่หลังจากการใช้งานได้ 2-3 สัปดาห์
จากทีผมได้ใช้งานและตั้งค่าเครื่องแบบเดียวกับที่เคยตั้งตอนใช้งานกับ Nokia Lumia ที่ผมทดสอบทุกรุ่น คือ
- ปิด NFC, Bluetooth, งานเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นทั้งหมด เปิดไว้แต่ Facebook beta, ปิด Battery saver
- เปิด 3G ตลอดเวลา, เปิด GPS,
- ตั้งค่าความสว่างเป็น Auto,
ผมพบว่าอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของผมอยู่ได้ประมาณ 8-10 ชั่วโมงครับ คืออยู่ได้ถึงช่วงบ่ายๆ (ออกจากบ้าน 8 โมง) ซึ่งถือว่าอยู่ได้นานกว่ามือถือคู่กายผมอย่าง Lumia 920 20-30% (และสูงกว่า Lumia 925, 1020 เยอะมาก)
ต้องบอกว่าระหว่างวัน ผมไม่เล่นเกมส์, แต่ท่องเว็บเยอะ โทรศัพท์ติดต่องานพอสมควร อ่านข่าว เล่น Social network ต่างๆรวมถึงดูแลเพจด้วย ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย
ถึงแม้ตัวเลขเรื่องอายุการใช้งานแบตอาจจะไม่ได้อึดในระดับที่เรียกเสียงว้าวได้ แต่ก็ไม่ถือว่าหมดเร็วนะครับ (แต่ยังเทียบกับมือถือรุ่นแบตอึดยี่ห้ออื่นๆอย่าง Galaxy Note, LG G2 ไม่ได้ แต่ก็ไม่ขี้เหร่)
หากระหว่างที่ใช้งานไปแล้วมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ ผมจะเอามาแจ้งอีกครั้งหนึ่งครับ
สรุป: มันคือมือถือ Windows phone 8 ที่ดีที่สุดในตอนนี้
จากการทีได้อยู่กับเจ้า Nokia Lumia 1520 มาเกือบๆสัปดาห์ บอกได้คำเดียวว่าการใช้งานเจ้า Lumia 1520 สำหรับผมค่อนข้างประทับใจครับ ถึงแม้ขนาดเครื่องจะใหญ่ไปสักนิด พกลำบากกว่าเดิมสักหน่อยในตอนแรก แต่เมื่อเริ่มชินผมก็พบว่าการใช้งานเจ้า Lumia 1520 ในฐานะมือถือ Windows phone 8 เครื่องหนึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างด้วย
จุดเด่น
- สเปคที่จัดเต็ม
- หน้าจอที่สวยมากเรียกว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของมือถือปัจจุบัน
- คุณภาพภาพถ่ายและวิดีโอที่สูง กล้องทำงานได้เร็วกว่าเดิม
- การบันทีกเสียงด้วย Directional Stereo สุดยอดมาก
- การใช้งานแอพต่างๆลื่นไหลกว่าเดิมแน่นอน (แม้แอพส่วนมากบน Windows phone จะลื่นไหลอยู่แล้ว)
- ความจุที่ให้มาอย่างจุใจที่ 32GB แถมยังสามารถขยายเพิ่มได้อีก 64GB ใช้งานได้เกินพอ
- ลำโพงให้เสียงที่ดังสะใจมาก
จุดด้อย
- จุดด้อยของเจ้า Lumia 1520 เองจริงๆก็คือจุดเด่นของมันนั่นแหละครับ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่มาก ทำให้มันไม่ใช่มือถือที่เหมาะกับทุกคน คนที่ไม่ชอบพกอะไรที่ใหญ่ขนาดนี้ก็อาจจะไม่ชอบไปเลย (ส่วนคนที่ชอบก็จะชอบไปเลยเช่นกัน)
- เรื่องของ White balance ที่แม้จะได้รับการปรับปรุงขึ้น แต่ก็ยังเพี้ยนอยู่บ้าง
- อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ที่อาจจะไม่อึดมากนัก
- Windows phone อาจจะยังใช้ประโยชน์จากหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นได้ไม่เต็มที่นัก (หากเพิ่มการใช้งานกับปากกาได้ด้วยจะดีมาก และทำให้หน้าจอขนาดใหญ่มีประโยชน์มากขึ้น)
- คุณภาพเสียงจากลำโพงไม่ดีเท่าที่ควร
- ระยะเวลาการถ่ายภาพแต่ละรูป ถึงจะเร็วขึ้นแต่ก็ยังสู้คู่แข่งในแง่การถ่ายแบบต่อเนื่องไม่ได้
- ปัญหาเรื่องการส่งบลูทูธกับมือถือต่างยี่ห้อบางรุ่นก็ยังมีปัญหาอยู่ (แต่เท่าที่ผมลองก็ส่งได้กับหลายยี่ห้อหลายรุ่นขึ้น)
- ใช้งาน Nano-sim ซึ่งไม่ค่อยสะดวกหากเป็นคนที่มีมือถือสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน Nano-sim
- การสั่นของตัวเครื่องเบาไปนิด
ส่วนเรื่องที่เป็นจุดด้อยของระบบมากกว่าตัวเครื่อง คือคุณสมบัติต่างๆไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำหน้าที่เป็นโทรศัพท์ หรือเรื่องแอพ ข้อด้อยของ Windows phone 8 ที่เราเคยพบกันและบ่นกันมายังไง ตอนนี้ตัวระบบก็อาจจะยังไม่ได้รับการปรับปรุงตามที่เราต้องการทั้งหมด แต่ว่าการพัฒนาก็มีขึ้นมาก ในอัพเดท Lumia Black มีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างการปิดแอพในหน้าจอ Multi-tasking, การปรับปรุงหน้าจอ Glance screen และคุณสมบัติอื่นๆที่ผมกล่าวมาในบทความนี้
เพียงแต่สิ่งที่ยังไม่มีอย่าง Notification center ปัญหาการแจ้งเตือนล่าช้าในบางแอพ ปัญหาเรื่องการไม่แสดงสถานะรอสายเมื่ออีกฝ่ายติดสายอยู่ก็ยังคงมีใน Lumia 1520 เช่นเดิม ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้เป็นข้อด้อยที่เกี่ยวกับตัวเครื่องตรงๆ แต่เป็นข้อด้อยในภาพรวมของระบบปฏิบัติการ ซึ่งน่าจะได้รับการปรับปรุงในอนาคต
ส่วนเรื่องแอพที่เป็นจุดด้อยตั้งแต่เริ่มต้นของระบบ Windows phone 8 ตอนนี้หลายๆคนก็ลงความเห็นกันว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา จำนวนแอพดังๆก็เริ่มมีเพิ่มขึ้นมาแล้ว ซึ่งก็นับว่าจุดด้อยจุดนี้ของระบบ Windows phone 8 ก็ค่อยๆถูกถมไปตามเวลา
Instagram ก็มาแล้ว เรียกเพื่อนแอพดังๆมาเยอะๆนะ :) |
สรุปทิ้งท้ายสำหรับเจ้า Lumia 1520 สำหรับผมมันคือมือถือ Windows phone 8 ที่ดีที่สุดในตอนนี้และน่าจะรองรับอนาคตได้ไปอีกไกลเลยทีเดียว ถือเป็นการลงทุนเพื่อความสุดยอดในปัจจุบันและรองรับอนาคตไปในตัวกับราคา 22,900 บาทครับ
Comments
Post a Comment