ไปอีกหนึ่ง Kabam ประกาศกยกเลิกการพัฒนาเกมส์ลง Windows phone แล้ว

---

Kabam อาจจะเป็นชื่อที่หลายๆคนที่ใช้งานระบบ Windows phone อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่สำหรับระบบอื่นๆ Kabam ก็เป็นอีกหนึ่งค่ายเกมส์ที่พัฒนาเกมส์แบบ Freemium (หรือเกมส์เล่นฟรีแบบมีการซื้อไอเท็มในเกมส์) ดีๆออกมาอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ในปี 2014 Kabam เคยประกาศว่า จะพัฒนาเกมส์มาลงบนระบบปฏิบัติการ Windows phone ซึ่งจะเป็นการพอร์ตเอาเกมส์ฮิตๆของตัวเองอย่าง Fast and Furious 6, The Hobbit: Kingdoms of Middle-earth, Dragons of Atlantis: Heirs of the Dragon ซึ่งเป็นแผนการหลังบรรลุข้อตกลงกับ Microsoft

ทว่าสุดท้ายแล้ว จนถึงวันที่ Kabam ประกาศถอนตัวจากระบบปฏิบัติการนี้ Kabam ก็สามารถนำเกมส์ที่สัญญาเอาไว้เพียง 1 เกมส์เท่านั้นมาลงบน Windows phone ได้ ซึ่งได้แก่เกมส์ Fast and Furious 6: The Game

 

เกมส์เพียงเกมส์เดียวที่ Kabam ทำได้ตามสัญญาบนระบบปฏิบัติการนี้

Windows Central รายงานว่า Kabam ให้เหตุผลถึงสาเหตุการถอนตัวจากระบบปฏิบัติการนี้ว่า เพราะบริษัทจะมุ่งเน้นผลิตเกมส์ให้กับระบบปฏิบัติการที่ดูมีโอกาสในการทำกำไรมากกว่าอย่าง iOS และ Android แทน



น่าเสียดายแทนแฟนๆ Windows phone ที่ตอนนี้มีข่าวในทำนองที่ว่าผู้พัฒนาแอพและเกมส์ต่างๆ เริ่มทยอยถอนตัวออกจากระบบปฏิบัติการนี้กันเรื่อยๆแล้ว

Microsoft คงต้องทำการบ้านหนักพอสมควร ในยุคของ Windows 10 ครับ

---

ความเห็นผู้เขียน:

ถึง Kabam จะไม่ได้เป็นผู้พัฒนารายใหญ่บน Windows phone แต่ข่าวการถอนตัวจากระบบปฏิบัติการนี้สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะแง่ของการที่ถึงแม้ฐานผู้ใช้ระบบปฏิบัติการนี้จะกว้างขึ้นกว่าเดิมแล้ว แต่ว่าก็ดูจะยังไม่สามารถดึงดูดให้นักพัฒนารายใหม่ๆเข้ามาร่วมในระบบปฏิบัติการนี้ได้

และที่แย่กว่านั้นคือ ไม่สามารถดึงดูดให้นักพัฒนารายเดิม อยู่กับระบบปฏิบัติการนี้ได้อย่างที่ควรจะเป็น

Microsoft อาจจะต้องกลับมามองถึงสาเหตุหลายๆอย่าง ที่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสนับสนุนนักพัฒนา การช่วยลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกให้กับนักพัฒนาเหล่านั้น เพื่อที่จะให้นักพัฒนาเห็นผลประโยชน์ในการพัฒนาแอพให้กับระบบปฏิบัติการของตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่

แต่ถ้าเหตุผลของการถอนตัวมาจากเรื่องของเงินและฐานผู้ใช้งานล้วนๆ เห็นทีว่า Microsoft เองอาจจะลำบากในการแก้เกมส์แล้วล่ะครับ



ส่วนตัวผมมองว่า อนาคตของระบบปฏิบัติการนี้ ต้องวัดกันตอนที่ Windows 10 ออกมาอีกทีช่วงครึ่งหลังของปีนี้อีกที





ที่มา: Windows Central และ WinBeta