รีวิว Microsoft Lumia 532 และ Lumia 435 มือถือรุ่นเล็กที่สุดในตระกูล Lumia


ปีนี้ เป็นปีของมือถือรุ่นเล็กและกลางของ Microsoft อย่างแท้จริง เพราะจากที่ Microsoft ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีเรือธงรุ่นใหม่จนกว่า Windows 10 จะออกสู่ตลาด นั่นทำให้จากวันนี้จนถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ เราจะได้พบกับมือถือรุ่นเล็ก ไปจนถึงรุ่นกลางของ Windows phone จาก Microsoft เท่านั้นเอง

Microsoft Lumia 532 และ Microsoft Lumia 435 เป็นมือถือที่เปิดตัวพร้อมกันเมื่อต้นปี และวางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ซึ่งในภาพรวมแล้ว เจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนี้มีหน้าตาและสเปคไม่ต่างกันมาก (แต่ก็มีจุดต่างสำคัญๆอยู่ ซึ่งจะได้กล่าวถึงในรีวิวนี้ต่อไป) แถมยังวางจำหน่ายพร้อมกันอีก ทำให้เราจับเจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนี้มารีวิวพร้อมกัน และด้วยราคาที่ต่างกัน 600 บาทนั้น แน่นอนว่าจะมีจุดที่ต้องพิจารณา และเราจะมาช่วยท่านตัดสินใจจากรีวิวนี้กันครับ



รีวิวนี้จะประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆตามดังนี้
  • จุดต่างของทั้ง 2 รุ่น
  • แกะกล่อง
  • แรกสัมผัสและการออกแบบ
  • ผลการทดสอบ
  • หน้าจอ
  • ระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update
  • กล้องและผลการถ่ายภาพ
  • ความบันเทิง การเล่นเกมส์และดูหนังฟังเพลงและการใช้งานเป็นโทรศัพท์
  • แบตเตอร์รี่
  • สรุปผล

จุดต่างของมือถือทั้ง 2 รุ่น

รีวิวนี้จะเริ่มต้นด้วยหัวข้อที่ประหลาดหน่อยครับนั่นคือการบอกข้อแตกต่างของเจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนั่นเอง

อย่างที่เกริ่นไปครับว่าสเปคหลักๆของมือถือทั้ง 2 รุ่นไม่ต่างกันมาก ซึ่งสเปคหลักๆของมือถือทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้



Lumia 435 Dual SIM
ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8.1 และ Lumia Denim สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้
หน้าจอ 4 นิ้ว WVGA LCD 800×480 พิกเซล 233 ppi
หน่วยประมวลผล 1.2 GHz Dual-core Qualcomm Snapdragon 200
แรม 1 GB
กล้องหลัก 2 MP Fix Focus f/2.8 ขนาดเซ็นเซอร์: 1/5 นิ้ว ไม่มีแฟลช
กล้องหน้า VGA (0.3 MP) f/2.7
หน่วยความจำภายใน 8GB + 30GB ฟรี OneDrive, micro SD มากสุดถึง 128GB
แบตเตอรี่ 1560 mAh ถอดเปลี่ยนแบตได้
ขนาด 118.1 x 64.7 x 11.7 มม.
134.1 กรัม
การเชื่อมต่อ  USB 2.0, Bluetooth 4.0, Wi-Fi: WLAN IEEE 802.11 b/g/n
การรองรับสัญญาณ 3G GSM: 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 1900 MHzWCDMA: Band 1 (2100 MHz), Band 2 (1900 MHz), Band 5 (850 MHz), Band 8 (900 MHz)
ส่วนสเปคแบบเต็มๆ เพื่อนๆสามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ http://www.microsoft.com/th-th/mobile/phone/lumia435-dual-sim/specifications/




Lumia 532 Dual SIM
ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8.1 และ Lumia Denim สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้
หน้าจอ 4 นิ้ว WVGA LCD 800×480 พิกเซล 233 ppi
หน่วยประมวลผล 1.2 GHz Quad-core Qualcomm Snapdragon 200
แรม 1 GB
กล้องหลัก 5 MP Fix Focus f/2.4 ขนาดเซ็นเซอร์: 1/4 นิ้ว ไม่มีแฟลช
กล้องหน้า VGA (0.3 MP) f/2.7
หน่วยความจำภายใน 8GB + 30GB ฟรี OneDrive, micro SD มากสุดถึง 128GB
แบตเตอรี่ 1560 mAh ถอดเปลี่ยนแบตได้
ขนาด 118.9 x 65.5 x 11.6 มม.
136.3 กรัม
การเชื่อมต่อ USB 2.0, Bluetooth 4.0, Wi-Fi: WLAN IEEE 802.11 b/g/n
การรองรับสัญญาณ 3G GSM: 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 1900 MHzWCDMA: Band 1 (2100 MHz), Band 2 (1900 MHz), Band 5 (850 MHz), Band 8 (900 MHz)
ส่วนสเปคแบบเต็มๆ เพื่อนๆสามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ http://www.microsoft.com/th-th/mobile/phone/lumia532-dual-sim/specifications/


จะเห็นว่า ถึงแม้หน้าตาของทั้ง 2 รุ่นจะเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่ว่าจากสเปคบนหน้ากระดาษนั้นพบว่า มือถือทั้ง 2 รุ่นต่างกันอยู่พอสมควร ซึ่งจุดที่ต่างกันมีดังนี้

Lumia 435 Lumia 532
ชิปเซ็ท 1.2 GHz Dual-core Qualcomm Snapdragon 200 1.2 GHz Quad-core Qualcomm Snapdragon 200
กล้องหลัก 2 MP f/2.8 เซ็นเซอร์ขนาด 1/5 นิ้ว 5 MP f/2.4 เซ็นเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว
ขนาด 118.1 x 64.7 x 11.7 มม.
134.1 กรัม
118.9 x 65.5 x 11.6 มม.
136.3 กรัม
Glance Screen ไม่มี มี
ไฟที่ปุ่มสัมผัส ไม่มี ไม่มี
Double tap to wake มี มี
ฝาหลัง Poly Carbonate ชิ้นเดียวแบบด้าน Poly Carbonate 2 ชั้น (Dual Layer) ฝาหลังด้าน แต่ขอบด้านข้างใส

จากสเปคเทียบความแตกต่างนี้ ก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นได้พอสมควรนะครับ ซึ่งจากที่ผมทดสอบใช้งานมาพบว่าข้อต่างตามตารางนี้ ถือว่าคุ้มค่ากับส่วนต่างที่ 600 บาทพอสมควร เพราะทั้งประสิทธิภาพที่มากกว่าด้วย CPU Quad Core ตัวเครื่องที่สวยกว่า รวมถึงกล้องหลักที่ดีกว่า (ดูได้จากผลลัพท์ในส่วนภาพถ่าย) นั่นทำให้ผมแนะนำว่าถ้าไม่มีประเด็นเรื่องราคาที่ต่างกัน 600 บาท Lumia 532 อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า

Glance screen ใน Lumia 532 มีมาให้ ส่วนฟังก์ชั่นเคาะ 2 ทีเพื่อปลุกหน้าจอมีมาให้ทั้ง 2 รุ่นนะครับ


แกะกล่อง

มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมแพคเกจที่แตกต่างกัน ซึ่งสำหรับ Microsoft Lumia 532 นั้น แพคเกจยังคงเหมือนกับมือถือรุ่นก่อนหน้าในตระกูล Lumia ในช่วงหลังคือเป็นกล่องสีเหลี่ยมผืนผ้า ทรงแบน

กล่องของ Lumia 532 เหมือนรุ่นก่อนหน้าทุกอย่าง

แต่สำหรับ Microsoft Lumia 435 นั้น มาพร้อมกับแพคเกจวางจำหน่ายหน้าตาไม่เหมือนเดิม ซึ่งกลับไปคล้ายกับมือถือ Lumia รุ่นแรกๆอย่างช่วง Lumia 920

 กล่องของ Lumia 435 เล็กกระทัดรัด ขนาดเท่าๆกับตัวเครื่องเลย

อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้ง 2 รุ่นเหมือนกันหมด ทั้งหูฟัง WH-108 ที่คุณภาพพอฟังได้ ซึ่งอาจจะหวังเบสหรือเสียงคุณภาพดีจากชุดหูฟังนี้ยากหน่อยครับ แต่ก็เป็นปกติของมือถือรุ่นเล็กแบบนี้อยู่แล้ว

ส่วนสายชาร์จที่แถมมาก็เป็นรุ่น AC-18U รุ่นที่มากับมือถือรุ่นกลางถึงล่างอยู่แล้ว และเป็นแค่สายชาร์จที่ไม่สามารถแยกออกมาเป็นสายดาต้าได้นะครับ




เช่นเคย ส่วนตัวก็อยากให้ Microsoft ปรับปรุงหูฟังให้มีคุณภาพที่สูงกว่านี้อีกหน่อย แต่ด้วยราคาที่วางจำหน่าย ชุดหูฟังที่ได้มานี้ก็อาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ครับ แต่น่าจะแถมสายดาต้ามาให้หน่อยนะ



แรกสัมผัสและการออกแบบ

แนวทางการออกแบบของ Microsoft Lumia 435 และ 532 นั้นยังคงเป็นแนว Bucket phone ที่สามารถถอดฝาหลังได้เช่นเคย แต่รูปลักษณ์ภายนอกของมันจะค่อนข้างคล้ายกับพี่น้องต่างสายเลือดอย่าง Nokia X พอสมควร

ซ้าย Lumia 435 กลาง Nokia X และขวา Lumia 532

งานประกอบ คราวนี้ Microsoft แก้ตัวจากตอน Lumia 535 ได้แล้ว เพราะงานประกอบของทั้ง 2 รุ่นนั้นแน่นปึ๊กตามมาตรฐานเดิมของสมัยมือถือของ Nokia เลยครับ จุดนี้ต้องขอชมเชย Microsoft ที่แก้เกมส์มาได้ดี และฝาหลังแบบถอดได้ก็ประกอบได้เรียบเนียนไปกับตัวเครื่องเลยทีเดียว (Lumia 532 จะประกอบแน่นกว่า Lumia 435 เล็กน้อยนะครับ)

งานประกอบตัวเครื่อง Lumia 532 จะแน่นกว่า Lumia 435 เล็กน้อย แต่ก็ทำได้ดีทั้งคู่
จุดเด่นของการออกแบบนั้นน่าจะอยู่ที่โลโก้ Microsoft ที่ฝาหลัง ที่ใช้การแกะลงไปในเนื้อพลาสติกเลย (เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น) แต่จุดเด่นจริงๆของการออกแบบน่าจะอยู่ที่ฝาหลังของ Microsoft Lumia 532 นั้นบริเวณขอบใช้การออกแบบๆ 2 ชั้น (Dual layer) ซึ่งคล้ายกับที่เราเคยเห็นใน Nokia Asha ซึ่งสวยงามไม่เลว

 โลโก้ Microsoft ที่แกะลงไปในเนื้อฝาหลังเลย
ฝาหลังของ Lumia 532 จะเป็นแบบ Dual Layer ที่ขอบนอกจะเป็นพลาสติกใสเหมือนกันทุกสี
ฝาหลังของ Lumia 532 จะเป็นแบบ Dual Layer ที่ขอบนอกจะเป็นพลาสติกใสเหมือนกันทุกสี

ส่วนฝาหลังของ Lumia 435 นั้นจะเป็นพลาสติก (Poly Carbonate) แบบด้านเหมือนกันทั้งชิ้น ซึ่งจุดนี้แล้วแต่ความชอบแล้วครับ
Lumia 435 ฝาหลังเป็น Poly Carbonate สีเดียว

ส่วนตัวเครื่องในมุมต่างๆมีดังนี้ (เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น)

ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มหรือพอร์ตการเชื่อมต่อใดๆ



ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.


ด้านขวามีปุ่ม เพิ่มเสียง ลดเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่องตามมาตรฐานของมือถือ Lumia รุ่นกลางถึงล่าง (ไม่มีปุ่มชัตเตอร์) ตัวปุ่มทั้ง 3 ปุ่มทำจากพลาสติก ตามปกติของมือถือรุ่นล่าง



ด้านล่างมีพอร์ต Micro USB สำหรับการชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
ช่องไมโครโฟนจะอยู่บริเวณเยื้องๆไปทางขวาของตัวเครื่อง

ด้านหน้าเป็นที่อยู่ของกล้องหน้าความละเอียด 0.3 MP


ด้านหลังมีกล้องหลักที่มีความละเอียดแตกต่างกันในแต่ละรุ่น คือ 2 MP สำหรับ Lumia 435 และ 5 MP สำหรับ Lumia 532 แต่ที่เหมือนกันคือไม่มีไฟแฟลช และการโฟกัสเป็นระบบ Fix Focus ทั้งคู่



ด้านล่างของฝาหลังเป็นที่อยู่ของลำโพง ซึ่งให้เสียงคุณภาพธรรมดา ไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องให้ติกับมือถือระดับราคานี้ครับ

แต่เสียงที่ได้ก็ดังพอตัวและเสียงไม่เบาลงแม้เราจะวางตัวเครื่องแบบเอาลำโพงแนบพื้น ซึ่งนี่เป็นข้อดีของการวางตำแหน่งลำโพงของ Microsoft


Lumia ทั้ง 2 รุ่นสามารถถอดฝาหลังได้ และเมื่อถอดออกมาจะพบว่า ทั้ง 2 รุ่นนี้มีบอร์ดด้านหลังเครื่องเหมือนกันชนิดที่เรียกว่ามาจากพิมพ์เดียวกันเลยทีเดียว และที่ด้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของช่องเสียบ Micro SD Card รวมถึงซิมทั้ง 2 ซิม ซึ่งต้องถอดแบตเตอร์รี่ออกถึงจะสามารถใส่ซิมและ SD Card ได้





แบตเตอร์ที่เป็นขุมพลังของทั้ง 2 รุ่นนี้ ความจุ 1,560 mAh เท่ากันทั้ง 2 รุ่น




ผลการทดสอบประสิทธิภาพ

Microsoft Lumia ทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 200 และแรม 1 GB เท่ากัน แต่สิ่งที่ต่างคือ Lumia 532 มาด้วยชิปเซ็ทที่ดีกว่าคือ Quad Core ความเร็ว 1.2 GHz แต่สำหรับ Lumia 435 นั้นมาพร้อมชิปเซ็ทรุ่น Dual Core (ความเร็วเท่ากัน) เท่านั้น

ความต่างของชิปเซ็ทนี้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพจากการทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่น Benchmark ต่างๆอยู่บ้าง ดังรูปครับ

 (ซ้าย) ผลของ Lumia 435 (ขวา) ผลของ Lumia 532

(ซ้าย) ผลของ Lumia 435 (ขวา) ผลของ Lumia 532


จากผลการทดสอบนี้ ต้องบอกว่าประสิทธิภาพที่ต่างกันราว 30 – 40 % ของแอพ AnTuTu Benchamark และราว 20-30 % จากการทดสอบด้วย Basemark OS II อาจจะเป็นตัวเลขที่มากซักหน่อย แต่ในการใช้งานจริง ความรู้สึกที่ผมพบคือไม่ต่างกันมากแบบมีนัยสำคัญอะไร แค่เจ้า Lumia 432 อาจจะเจอกับหน้าจอกำลังเรียกคืนการทำงานหรือกำลังโหลดบ่อยกว่าเท่านั้นเอง และการเล่นเกมส์ที่กราฟิกหนักๆอาจมีหน่วงกว่า Lumia 532 เล็กน้อย แต่การใช้งานทั่วไปไม่มีปัญหา

ด้วยฮาร์ดแวร์ เราจะเจอหน้าจอนีได้บ้าง แต่ Lumia 435 อาจจะเจอบ่อยกว่านิดนึง

Asphalt 8 เล่นได้ลื่นๆในทั้ง 2 รุ่น แต่ Lumia 532 อาจจะลื่นไหลกว่าเล็กน้อย

ถึงสเปคจะน้อยไปหน่อย แต่ด้วยความที่เป็นระบบ Windows phone ชิปเซ็ท Snapdragon 200 ก็สามารถใช้งานได้ลื่นสบายๆ แถมมาด้วยแรมอีก 1 GB ที่เล่นได้ทุกแอพใน Store (ยกเว้นเกมส์กราฟิกหนักๆ 1-2 เกมส์ที่ด้วยข้อจำกัดด้านชิปเซ็ททำให้ไม่สามารถเล่นได้) ก็ต้องบอกว่า คุ้มค่าตามระดับราคา และดูเหมือนว่าหลังจากนี้ Microsoft น่าจะใช้แรม 1 GB เป็นมาตรฐานสำหรับมือถือตระกูล Lumia ทั้งหมดแล้วเช่นกัน



หน้าจอ


หลายๆท่านอาจจะกังวลเรื่องของปัญหาหน้าจอสัมผัสที่เคยมีในสมัย Lumia 535 มือถือตัวแรกในนาม Microsoft วางตลาดที่มีปัญหาเรื่องหน้าจอสัมผัสไม่ตอบสนองเท่าที่ควร

ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าสำหรับเจ้า Lumia 435 และ 532 ไม่มีปัญหานี้มากวนใจแน่นอน

สัมผัสลื่นติดนิ้วแบบที่คาดหวังได้จากมือถือตระกูล Lumia รุ่นอื่นๆ และจากการทดสอบด้วยแอพ Multitouch Test พบว่าทั้ง 2 รุ่นรองรับการสัมผัสพร้อมกัน 5 จุดสมบูรณ์



ส่วนในเรื่องของคุณภาพนั้น ต้องบอกว่าตามระดับราคาเช่นกัน ด้วยหน้าจอ LCD ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล และความหนาแน่นเม็ดสีที่ 233 ppi ซึ่งจากการใช้งานพบว่าตัวหนังสือต่างๆก็ไม่ถึงกับไม่คมชัด เพราะหน้าจอขนาดไม่ใหญ่ เลยไม่มีปัญหาเรื่องการแตกของภาพและตัวอักษรให้เห็น ส่วนตัวผมมองว่าทำออกมาได้น่าพอใจกับระดับราคา

ถึงจะไม่มีเทคโนโลยี Clear black แต่ต้องบอกว่าการแสดงผลสีดำก็ทำออกมาได้ดี และสีสันหน้าจอแน่นอนว่าสามารถปรับได้ตามต้องการด้วยฟังก์ชั่นโปรไฟล์สี และโปรไฟล์ความสว่างในส่วนการตั้งค่า



แต่ที่ต้องติคือเรื่องของมุมมองที่ไม่กว้างเท่าไหร่ เรียกว่าถ้าเราเอียงหน้าจอให้ผิดจากระดับที่แสดงผลได้ดีไปซักหน่อย สีสันของภาพรวมถึงมุมมองก็จะเริ่มเปลี่ยนแล้วครับ โดยเฉพาะกับการเล่นแอพ Facebook ที่บอกได้เลยว่า เอียงเครื่องซักหน่อย แถบสีฟ้าด้านบนก็จะเริ่มไม่ค่อยฟ้าแล้ว และส่วนที่เป็นสีขาวเยอะๆ ก็จะเริ่มสว่างผิดปกติ และตัวหนังสือในแอพนี้จะเริ่มอ่านยากขึ้น จะบอกว่าด้วยเพราะต้นทุนราคา ก็น่าจะได้ แต่ถ้าได้มุมมองภาพที่กว้างกว่านี้อีกหน่อย น่าจะดีไม่น้อย

แต่ถ้าเราปรับหน้าจอเข้ามุมมองระดับปกติ ก็อย่างที่บอกครับ การแสดงผลก็น่าพอใจในระดับราคา

มุมมองโหดๆแบบนี้ เรียกว่ามองอะไรไม่เห็นเลย

รวมถึงความสว่างของหน้าจอที่น้อยไปสำหรับการแสดงผลกลางแจ้ง แม้จะปรับความสว่างจนสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังมองลำบากเล้กน้อยสำหรับการใช้งานกลางแจ้งครับ ซึ่งนี่เป็นข้อด้อยของจอเจ้า Lumia ทั้ง 2 รุ่นนี้


  ถ้าแอพไหนพื้นหลังขาวเยอะๆ จะเห็นผลของหน้าจอที่สู้แดดไม่ได้ทันที


อ้อ และ 2 รุ่นนี้กระจกหน้าจอเป็นกระจกธรรมดา ไม่ใช่ Gorilla Glass นะครับ




ระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update และเฟิร์มแวร์ Lumia Denim ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดของ Windows phone แล้วในตอนนี้ แต่เมื่อเราเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ระบบจะมีอัพเดทเฟิร์มแวร์ที่ให้เราต้องอัพเดทอีก 1 รอบ ซึ่งในส่วนนี้ผมเองยังไม่แน่ใจเช่นกันว่าเป็นการอัพเดทอะไร เนื่องจากในอัพเดทนี้ไม่มี change log บอกเอาไว้




สำหรับคุณสมบัติต่างๆของเฟิร์มแวร์ Lumia Denim เพื่อนก็สามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ

คัมภีร์ Lumia Denim

และสิ่งที่ต้องพูดถึงในแง่ระบบปฏิบัติการก็คือ มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ รองรับการอัพเกรดเป็น Windows 10 แน่นอน

เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นมือถือรุ่นราคาประหยัด แต่ก็สามารถอัพเดทต่อได้อีกยาว ส่วนการใช้งานอื่นๆไม่มีประเด็นอะไรอย่างที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในส่วนประสิทธิภาพการทำงาน




กล้องถ่ายภาพ



แน่นอนว่า มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นรุ่นราคาประหยัด เพราะฉะนั้นเราอาจจะคาดหวังกับประสิทธิภาพของกล้องได้ไม่มากนัก

แต่ก็อีก ไม่ใช่ว่าจะคาดหวังไม่ได้เลยนะครับ เพราะจากที่ผมทดสอบมา กล้อง 5MP ใน Lumia 532 เองก็ให้ผลที่น่าพอใจ

สเปคด้านกล้องของทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้ครับ
Lumia 435 Lumia 532
กล้องหลัก 2 MP f/2.8 เซ็นเซอร์ขนาด 1/5 นิ้ว แบบ Fix focus ไม่มีแฟลช ซูมไม่ได้ 5 MP f/2.4 เซ็นเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว แบบ Fix focus ไม่มีแฟลช ซูมไม่ได้
กล้องหน้า VGA (0.3 MP) f/2.7 VGA (0.3 MP) f/2.7


จะเห็นว่า Lumia 532 มีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า รูรับแสงกว้างกว่า และความละเอียดเซ็นเซอร์มากกว่า ถึงจะเป็นกล้องแบบ Fix focus และไม่มีแฟลชเหมือนกัน แต่คุณภาพของภาพที่ได้ผมให้ Lumia 532 ชนะไปแบบสบายๆ ทั้งความละเอียดภาพ ทั้งสีสันของภาพ ซึ่งตัวอย่างภาพถ่ายในมุมเดียวกันของมือถือทั้ง 2 รุ่นแสดงอยู่ด้านล่างครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากสภาวะแสงปกติ (บน Lumia 435 ล่าง Lumia 532)

ทุกท่านสามารถดูภาพต้นฉบับได้จากที่นี่ (Lumia 435) (Lumia 532)

ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532



ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532


ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532



ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532



 ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532


แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และระบบ Fix Focus ทำให้เวลาถ่ายรูปในร่มที่แสงรอบข้างเยอะๆ จะมีอาการ White balance เพี้ยนให้เห็นได้ง่ายๆเลยสำหรับมือถือทั้ง 2 รุ่น

White Balance เพี้ยนพอสมควร

สำหรับในสภาวะแสงน้อยนั้น อาจจะต้องบอกว่าคงสามารถถ่ายแบบขำๆได้เท่านั้น เพราะตัวเครื่องเองไม่มีไฟแฟลชมาให้ จากตัวอย่าง จะเป็นการถ่ายภาพในสภาวะแสงแบบรูปด้านล่างเลย คือค่อนข้างมืด มีแหล่งกำเนิดแสงบ้าง แต่ก็ให้ผลที่สว่างกว่าก่อนกดชัตเตอร์พอสมควร

สำหรับจุดที่มีแหล่งกำเนิดแสงมากขึ้นมาหน่อย ผลที่ได้ก็ดูดีขึ้น แต่แน่นอนว่า noise เยอะจนใช้งานแบบจริงจังไม่ได้แน่ๆ


 ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532



 ภาพจาก Lumia 435
ภาพจาก Lumia 532


ส่วนกล้องหน้า ความละเอียด 0.3 MP น่าจะเหมาะสำหรับใช้วิดีโอคอลขำๆ อาจจะใช้ถ่ายเซลฟี่ได้บ้าง แต่ก็อีกครับถึงแม้สภาพแสงจะอำนวย แต่ noise ก็ยังตามมาเยอะขนาดนี้ เพราะฉะนั้นควรเอาไว้ถ่ายแบบขำๆเท่านั้นครับ

 Noise กระจาย

ในแง่ของการถ่ายวิดีโอ ด้วยข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ ทำให้ทั้ง 2 รุ่นสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดคือ ความละเอียดระดับ FWVGA (840 x 480 พิกเซลหรือ 480p) เท่านั้น คุณภาพก็พอใช้งานได้ แต่อย่างน้อย Microsoft เองก็ยังจับเทคโนโลยีบันทึกเสียงแบบ Audio Bass เข้ามาให้ด้วย







ความบันเทิง ดูหนังฟังเพลงและการใช้งานเป็นโทรศัพท์

สำหรับการใช้งานอื่นๆในแง่ความบันเทิงอย่างการดู YouTube หรือไฟล์วิดีโอ ด้วยความที่สเปคหน้าจอและฮาร์ดแวร์จำกัด เพราะฉะนั้นตัวเครื่องที่เล่นไฟล์วิดีโอผ่านแอพอย่าง myTube นั้นจะสามารถเล่นไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดได้ที่ 720p เท่านั้น (ถึงแม้ไฟล์ต้นฉบับจะมีความละเอียดที่ 1080p ก็ตาม)



และหากเราใช้ไฟล์ต้นฉบับเป็นไฟล์ Full HD 1080p ขนาดใหญ่ๆมาเล่น ปัญหาที่พบคือระบบจะไม่สามารถเล่นได้อย่างราบลื่น..เรียกว่ากระตุกจนดูไม่ได้เลยทีเดียว แนะนำให้ใช้ไฟล์ความละเอียด HD 720p ก็พอ

จะว่าไปแค่ความละเอียดระดับ HD 720p ก็เพียงพอต่อการรับชมอย่างได้อรรถรสบนหน้าจอขนาด 4 นิ้วแล้วล่ะครับ


ส่วนในแง่การฟังเพลง Lumia 435 และ 532 รองรับการปรับแต่งเสียงด้วยระบบ Equalizer ที่ Microsoft น่าจะทำมาเป็นมาตรฐานของมือถือ Lumia ทั้งหมดแล้ว (เพราะในยุค  Nokia นั้นมือถือ Lumia รุ่นล่างๆจะไม่มีฟังก์ชั่นนี้มาให้) คุณภาพเสียงอยู่ในระดับมาตรฐาน เพียงแต่ต้องหาหูฟังดีๆมาทดแทนเจ้า WH-108 หน่อยเท่านั้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลง



ในแง่คุณภาพเสียงสนทนา ถึงจะเป็นรุ่นล่างของตระกูล Lumia แต่คุณภาพของไมโครโฟนและคุณภาพเสียงสนทนานั้นหายห่วงครับ ชัดใสปกติเหมือนรุ่นก่อนหน้า และด้วยความที่ทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบ Dual-sim เราก็สามารถใช้คุณสมบัติ Smart Dual-sim ของ Windows phone ได้ ซึ่งเราสามารถใช้งานมือถือทั้ง 2 ซิมได้แบบ Dual standby ซึ่งสามารถเลือกโอนสายจากเบอร์หนึ่งไปยังอีกเบอร์หนึ่งได้ทันที รวมถึงเลือกซิมการ์ดที่จะใช้งานการเชื่อมต่อแบบ 3G ซึ่งเราสามารถสลับการทำงานได้ตลอดเวลาเช่นกัน

การใช้งานเป็น GPS ทั้ง 2 รุ่นจับสัญญาณ GPS ได้ดีและรวดเร็ว แต่ข้อด้อยคือทั้ง 2 รุ่นไม่มีเข็มทิศในตัวเพราะฉะนั้นเราจะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่น Live Sight บน Here Maps ได้




หน่วยความจำภายใน 8 GB: ไม่พอแน่ๆ ต้องมีตัวช่วย



ด้วยความที่เจ้า Lumia 435 และ 532 นั้น มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในแค่ 8 GB และไฟล์ระบบของ Windows phone 8.1 มีขนาดที่ราวๆ 2.6 – 2.7 GB เพราะฉะนั้นเราจะเหลือพื้นที่ใช้งานจริงราวๆ 3.6 GB

ท่านที่เล่นเกมส์ ลงแอพหรือฟังเพลงเยอะๆ ก็ต้องหาหน่วยความจำภายนอกเข้าช่วย เพราะทั้ง 2 รุ่นรองรับหน่วยความจำภายนอกสูงสุดถึง 128 GB ครับ





แอพพลิเคชั่นบน Windows phone: ข้อด้อยที่ยังเหมือนเดิม

แน่นอนครับ ถ้าพูดถึง Windows phone ข้อด้อยหลักๆคือเรื่องแอพพลิเคชั่นที่ยังห่างกับระบบคู่แข่งมากเหมือนเดิมทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ

ถึงแม้แอพหลักๆที่ใช้งานกันอยู่จะเริ่มมีฟังก์ชั่นใกล้เคียงกับระบบอื่นๆขึ้นมาบ้าง แต่ก็ปฏิเสธความจริงที่ว่า ยังห่างกับระบบอื่นๆอีกไกลในแง่ความหลากหลายของแอพ


แต่ถ้าเอาเฉพาะแอพหลักๆ ตอนนี้ก็เรียกว่าดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็อีก ชาว Windows phone คงหวังอะไรเรื่องแอพในยุค Windows phone 8 นี้มากไม่ได้แล้ว น่าจะต้องไปรอดูกันในยุค Windows 10 เลยครับ




อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่: พอใช้ได้ถึงเย็นๆ หรือข้ามวันถ้าเล่นน้อย


แบตเตอร์รี่ขนาด 1,560 mAh ที่คอยหล่อเลี้ยงชิปเซ็ทที่กินไฟไม่มากอย่าง Snapdragon 200 หน้าจอความละเอียด WVGA ซึ่งนั่นน่าจะทำให้อายุการใช้งานแบเตอร์รี่ของทั้ง Lumia 435 และ 532 น่าจะอยู่ได้นานพอควร แต่จะเป็นแบบนั้นมั้ย? มาดูกันครับ

การใช้งานของผม ก็เหมือนกับตอนที่ใช้งานมือถือทุกรุ่น (เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน) จากที่ผมได้ใช้งานและตั้งค่าเครื่องแบบเดียวกับที่เคยตั้งตอนใช้งานกับ Nokia Lumia ที่ผมทดสอบทุกรุ่น คือ
  • ปิด Bluetooth และงานเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
  • เปิดงานเบื้องหลังเหล่านี้เอาไว้ Facebook beta, Line, Email อีก 3 ฉบับ, Internet Explorer, Store, Battery Saver, Whatsapp, Music, OneDrive,
  • เปิด 3G, WiFi GPS ไว้ตลอดเวลา
  • ตั้งค่าความสว่างเป็น Auto,
  • เปิดคุณสมบัติการปรับภาพหน้าจอให้คมชัดกลางแจ้ง (Sunlight readability) ไว้ด้วยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ

การใช้งานเน้นที่การโทรศัพท์ อ่านข่าวบนรถไฟฟ้ารวมถึงดูแล Fan page นอกจากนี้ก็เล่น Social network อย่าง Line, Facebook รวมถึง Twitter และ Instagram เป็นปกติ อาจจะไม่หนักเท่าคนที่เล่นเยอะๆ แต่ก็ไม่น้อย

และจากการทดสอบตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของผมอยู่ได้ราว 8 - 10 ชั่วโมง (ถ้าเล่นเยอะหน่อยก็อยุู่ได้ราว 6-8 ชั่วโมง)

แต่ถ้าใช้งานน้อยเอามากๆ เข้าใจว่าด้วยระบบ Windows phone 8.1 update น่าจะมีการถนอมพลังงานเอาไว้ระหว่าง stand by ได้ดีขึ้น ทำให้ถ้าวันไหนที่ผมงานยุ่งๆหรือแทบไม่ได้ใช้งานมือถือ จะพบว่าแบตเตอร์รี่สามารถอยู่ได้ข้ามวันเลยทีเดียว

ทั้งนี้ อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยอีกทีครับ




สรุปผล: ประสิทธิภาพตามราคา คุ้มค่าในระดับราคานี้



Microsoft Lumia 435 และ 532 นั้น เป็นมือถือที่ทำมาแบบมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนว่า สำหรับคนที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพในระดับที่รับได้ ด้วยงบประมาณที่ไม่สูงเลย (อยู่ในช่วง 2,990 – 3,500 บาท) ซึ่งหากมองในแง่นี้ผมว่าทั้ง 2 รุ่นสอบผ่านได้สบายๆ ด้วยการใช้งานที่ลื่นไหลตามสไตล์ Windows phone คุณภาพงานประกอบตามมาตรฐาน Nokia เดิม ที่ดีกว่าตอน Lumia 535

แรม 1 GB สำหรับ Windows phone นั้นเรียกว่าพอใช้แบบเหลือๆ ด้วยระดับราคานี้ กับการรองรับแอพเกือบ 100% ใน Store ทำให้มันเป็นมือถือที่น่าสนใจสำหรับคนที่จะเริ่มต้นกับระบบปฏิบัติการนี้ และทั้ง 2 รุ่นยังรองรับการอัพเดทเป็น Windows 10 อีกในอนาคต ถ้าคุณชอบระบบปฏิบัติการนี้ และอยากจะเริ่มทดลองใช้งาน ทั้ง 2 รุ่นนี้น่าจะเป็นคำตอบของคุณได้ ซึ่งก็เลือกกันได้ตามงบประมาณเลยครับ

แต่ถ้าให้ผมฟังธง ผมว่า Lumia 532 คุ้มกว่าถึงจะมีส่วนต่างที่ 600 บาทก็ตาม



ส่วนสิ่งที่จะให้ติ น่าจะเป็นเรื่องของ
  • คุณภาพหน้าจอ ที่ถ้ามุมมองการใช้งานกว้างกว่านี้ได้อีกหน่อย สู้แสงได้อีกนิด ก็น่าจะทำให้ภาพรวมของตัวเครื่องน่าสนใจขึ้น
  • กล้องหลักที่สำหรับ Lumia 532 น่าจะมีระบบออโต้โฟกัสเข้ามาด้วย เพราะถ้าเทียบกับมือถือระบบอื่นๆที่ช่วงราคาเดียวกันนี้ ส่วนมากก็มีระบบออโต้โฟกัสมาให้แล้ว รวมถึงไฟแฟลชที่ขาดไปอย่างน่าเสียดาย
  • กล้องหน้า 0.3 MP ที่น่าจะแทบไม่มีใครใช้แล้ว ซึ่งยี่ห้ออื่นๆตอนนี้ที่ระดับราคานี้อย่างน้อยก็ได้ความละเอียดประมาณ 1 MP ขึ้นไปแล้ว
  • ส่วนเรื่องแอพพลิเคชั่นและระบบปฏิบัติการที่ยังเป็นหนึ่งในข้อติ ก็ตามที่ได้กล่าวถึงในรีวิวนี้แล้ว
  • และถ้าคุณไม่ใช่คอ Windows phone ความคุ้มค่าในแง่ของสเปค ก็หักลบกับคะแนนในรีวิวนี้ได้อีกราวๆ 5 – 10 คะแนนครับ
สำหรับรุ่นนี้ ผมให้คะแนนรวมที่ 60 เต็มร้อยครับ โดยคะแนนส่วนต่างๆมีดังนี้

คุณสมบัติและฟังก์ชั่น: ุ60 คะแนน
วัสดุและงานประกอบ: ุ50 คะแนน
ประสิทธิภาพ: 50 คะแนน
ความคุ้มค่าต่อราคา 80 คะแนน

*** คะแนนประสิทธิภาพ -5 คะแนนสำหรับ Lumia 435 นะครับ

Comments

Popular posts from this blog

จุดเด่น จุดแข็ง ของ Windows Phone ที่หลายๆคนมองข้าม People Hub มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ตอนที่ 1: Link contact

ทำอย่างไร เมื่อเครื่อง Nokia Lumia ของเราเปิดไม่ติด?

รายละเอียดคุณสมบัติใหม่ใน Windows 10 สำหรับมือถือ Build ล่าสุด 10551 และข้อควรระวังก่อนอัพ